วิทยานิพนธ์ไม่ยากอย่างที่คิด

การทำวิทยานิพนธ์ ไม่ยากอย่างที่คิด!

ภาพจาก canva.com

วิทยานิพนธ์ถือว่าเป็นขั้นสุดท้ายสำหรับนักศึกษาที่เตรียมจะจบปริญญาโท เพราะการทำวิทยานิพนธ์นั้น เป็นสิ่งแสดงถึงความสามารถในการนำมาปรับใช้ และนำความรู้ ความสามารถในสาขาวิชาที่นักศึกษาได้เรียนมานำเสนอให้กับผู้สนใจได้อ่าน และนำประโยชน์จากมันมาใช้ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาองค์กร พัฒนาหน่วยงาน หรือพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้น แต่หลายท่านยังคงคิดว่าวิทยานิพนธ์เป็นเรื่องที่ยาก ในบทความนี้จึงจะมาบอกเคล็ดลับในการทำวิทยานิพนธ์ที่ทุกท่านสามารถนำไปปรับใช้ในการทำวิทยานิพนธ์ของท่านได้ง่ายๆ มาฝากกัน ดังรายละเอียดตามนี้ค่ะ

1. การทำวิทยานิพนธ์ในแต่ละครั้งควรที่จะทำในหัวข้อที่ตนเองสนใจ

ในการเริ่มทำวิทยานิพนธ์ ควรศึกษาหัวข้อที่ผู้ทำวิทยานิพนธ์สนใจ เนื่องจากเรื่องที่ท่านสนใจ ท่านจะทำและศึกษาออกมาได้ดี เมื่อได้หัวข้อที่สนใจแล้ว ท่านควรที่จะมองหาอาจารย์ที่ปรึกษาในการทำวิทยานิพนธ์ ที่เหมาะสมกับหัวข้อที่ท่านสนใจด้วย เพราะกุญแจที่สำคัญที่จะนำไปสู่วิทยานิพนธ์ ก็คือหัวข้อนั่นเอง หากตั้งชื่อหัวข้อไม่มีความโดดเด่นก็อาจจะทำให้ไม่มีผู้เปิดอ่านงานนั้นเลยก็ได้ นอกจากนั้นหัวข้อที่น่าสนใจจะต้องมีกฎดังนี้

-การตั้งชื่อหัวข้อให้น่าสนใจจะต้องมีการใช้คำที่กระชับ สามารถบอกกับผู้อ่านได้ทันที่ว่าเรื่องที่ทำจะกล่าวถึงเรื่องใดกันแน่ 

-หัวข้อต้องไม่ยาวหรือสั้นจนเกินไป หากสั้นหรือยาวจนเกินไปจะทำให้ผู้อ่านไม่เข้าใจว่าผู้เขียนต้องการที่จะสื่อถึงสิ่งใด

-อธิบายความหมายให้เข้าใจในประโยคเดียว โดยการฝึกเขียนหัวข้อเป็นประจำ พร้อมทั้งให้ผู้ที่มีประสบการณ์ช่วยวิจารณ์ หรือขัดเกลาหัวข้อบทความให้ดีขึ้น

-ควรเลี่ยงคำศัพท์แสลง พยายามไม่ใช้ศัพท์ที่คนทั่วไปไม่เข้าใจ  เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไปคนรุ่นหลังที่จะเข้ามาเปิดอ่านวิทยานิพนธ์ของท่านอาจจะไม่เข้าใจภาษา ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าควรใช้คำศัพท์ในการตั้งหัวข้อง่ายๆ จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจทันที

ภาพจาก Pixabay

2. ผู้ที่ทำวิทยานิพนธ์ต้องมีความรู้ความเข้าใจที่เพียงพอต่อหัวข้อที่เลือก

หัวข้อนี้จะเกี่ยวเนื่องจากหัวข้อแรก กล่าวคือ เมื่อผู้ทำวิทยานิพนธ์เลือกหัวข้อวิทยานิพนธ์ที่ท่านสนใจ ซึ่งท่านจะต้องมีความรู้ และความเข้าใจในหัวข้อที่เลือก การที่จะทำให้วิทยานิพนธ์สำเร็จตามเป้าหมายได้นั้นท่านจะต้องมีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานในสิ่งที่จะศึกษา จากนั้นทำการศึกษาต่อยอดสิ่งที่ท่านรู้ และค้นหาข้อมูลใหม่ มาต่อยอดความรู้เพื่อวิจัยและพัฒนาให้เกิดความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมาได้ ดังนั้นท่านจึงต้องนำความรู้ที่สั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียน สืบหาค้นคว้าหรือมาจากประสบการณ์ โดยมีการรวบรวมเป็นข้อมูลทำการจดบันทึกเอาไว้ และสอดแทรกความสนใจในตัวของท่านเองที่ได้เล่าเรียน มาผสมผสานกับประสบการณ์ต่างๆ ทำให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างรรค์งานใหม่ๆ หรือจะเป็นการสนใจจากการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถ่ายทอดผ่านหนังสือหรือตำรา ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นการนำความเข้าใจและสิ่งที่ท่านสนใจมาใช้สนับสนุนประกอบกับงานวิทยานิพนธ์ที่กำลังจะทำ ซึ่งในทางตรงกันข้ามหากยังมีความรู้ความเข้าใจที่ไม่เพียงพอผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจจะนำใช้ประโยชน์จริงไม่ได้

3. การอ่านงานวิทยานิพนธ์ช่วยได้

การอ่านถือว่าเป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่จะทำให้ผู้ทำวิทยานิพนธ์สามารนำมาต่อยอดในงานของตัวเองได้ โดยจะเริ่มต้นจากการเลือกเรื่องที่สนใจ แล้วอ่านจากผลสรุปของเล่มวิจัยดังกล่าว เพื่อจับใจความประเด็นหลักนำมาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ แล้วจึงนำมาเรียบเรียงให้เป็นความเข้าใจใหม่ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น  ซึ่งการอ่านวิทยานิพนธ์ควรที่จะอ่านจากหลายๆ แหล่งที่มา เช่น อ่านจากตำราทางวิชาการ สารคดีทางวิชาการ การวิจัยประเภทต่างๆ หรืออ่านผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งควรอ่านให้หลากหลายเพราะความรู้ในวิชาหนึ่งอาจนำไปช่วยเสริมในอีกวิชาหนึ่งได้ ดังนั้นในขณะอ่านควรพยายามจับจุดสำคัญของเนื้อหาที่มีความสอดคล้องกับงานที่ต้องการทำ ดูรายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อมาช่วยเสริมให้งานของท่านมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการอ่านงานเหล่านี้จะเป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่จะนำไปใช้ทำวิทยานิพนธ์ของท่านได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าการอ่านถือเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับจากการอ่านจะเป็นตัวช่วยให้งานของท่านผ่านไปได้ด้วยดี

4. สรุปเนื้อหาเรียบเรียงเนื้อหาใหม่

ในการสรุปเนื้อหาและเรียบเรียงเนื้อหาใหม่จากการอ่านงานวิทยานิพนธ์ของผู้ทำวิทยานิพนธ์ท่านอื่นนั้น ท่านจะต้องสรุปและเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ให้สอดคล้องกับหัวข้อของงานวิจัยของท่านด้วย  ซึ่งท่านจะต้องทบทวนเนื้อหาที่สรุปและเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ออกมาก่อน ว่ามีความกะทัดรัด ชัดเจน รัดกุม หรือไม่ นอกจากนั้นควรสรุปออกมาให้อ่านเข้าใจได้ง่าย และเรียงลำดับความหมายให้ถูกต้อง ซึ่งหัวใจของการสรุปถือว่าเป็นส่วนที่เขียนย้ำหรือเน้นประเด็นสำคัญของเนื้อหา หรือสรุปผลของการศึกษาค้นคว้า ถือว่าเป็นบทบาทที่สำคัญในการที่จะทำให้ผู้อ่านได้
จับประเด็นของเนื้อหาที่ได้อ่านไปทั้งหมด  
จึงอาจกล่าวได้ว่าบทสรุปจะช่วยให้ผู้อ่านมีการจดจ่อกับเนื้อหา และควรหลีกเลี่ยงการใส่ข้อมูลใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านวิทยานิพนธ์ของท่านเกิดความรู้สึกที่ค้างคาใจ  และจะเป็นการเพิ่มงานให้ยาวโดยไม่จำเป็น

5. การนำเสนอวิทยานิพนธ์ให้น่าสนใจ

การนำเสนอวิทยานิพนธ์ หากเนื้อหาที่นำเสนอในวิทยานิพนธ์มีความกระชับ เข้าใจง่าย ตรงตามจุดมุ่งหมายที่ได้ตั้งไว้ จะทำให้งานวิทยานิพนธ์ของท่านมีความน่าสนใจมากขึ้น แต่กระนั้นผู้ทำวิทยานิพนธ์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาพูด ไม่ควรที่จะย่อหรือกล่าวเกินจริง มีกาารอ้างอิงถึงเอกสารให้ถูกต้องในทุกครั้ง และควรตรวจสอบความถูกต้องให้ละเอียดรอบครอบทุกครั้งอย่างเพียงพอเพื่อให้ได้งานวิทยานิพนธ์ที่มีคุณภาพ จึงอาจกล่าวได้ว่าการนำเสนอถือว่าเป็นกระบวนการเพื่อนำความรู้ที่ได้มาผสมผสานกันระหว่างศิลปะทางการเขียนกับการแสดงข้อมูลต่างๆ ในรูปแบบของการวิเคราะห์ข้อมูล และสามารถนำเสนอได้อย่างเหมาะสม เช่น ตาราง กราฟ และภาพประกอบ ก็จะสามารถทำให้ผลงานวิทยานิพนธ์ของท่านดูน่าสนใจมากขึ้น 

จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นถือว่าเป็นเคล็ดลับในการนำไปปรับใช้ในการเขียนวิทยานิพนธ์ของท่าน หากท่านได้นำเคล็ดลับดังกล่าวในบทความไปใช้ จะทำให้งานวิทยานิพนธ์ของท่านนั้นมีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับทางวิชาการทำให้ผู้ที่จะทำการศึกษางานวิจัยของท่านหรือรูปแบบวิธีการทำไปต่อยอดเป็นงานวิจัยใหม่ๆ ขึ้นมา เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาเรื่องใหม่ๆ ให้มีความก้าวหน้าในตนเอง องค์กร หน่วยงาน หรือธุรกิจให้ดีขึ้นต่อไป

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *