ขั้นตอนการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

งานวิจัยที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนที่มีความสำคัญต่องานวิจัยทุกประเภท เราควรทราบ ขั้นตอนการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากช่วยให้ผู้วิจัยเข้าใจถึงองค์ความรู้และผลการวิจัยในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือปัญหาวิจัยที่ต้องการศึกษา ข้อมูลจากการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ผู้วิจัยสามารถกำหนดแนวทางและวิธีการดำเนินการวิจัยของตนเองได้อย่างเหมาะสม

ขั้นตอนการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้

  1. กำหนดขอบเขตการวิจัย

ขอบเขตการวิจัย (Delimitation) หมายถึง การจำกัดหรือกำหนดขอบเขตให้แก่การวิจัย ไม่ควรนำไปปนกับข้อจำกัดของการวิจัย (Limitation) ซึ่งมักจะกล่าวถึงในตอนท้ายผลการกำหนดขอบเขต การวิจัยนั้น อาจกำหนดได้หลายอย่าง เช่น

  • ขอบเขตที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่ศึกษา
  • ขอบเขตที่เกี่ยวกับกลุ่มตัวอย่าง
  • ขอบเขตที่เกี่ยวกับเวลา
  • ขอบเขตที่เกี่ยวกับสถานที่

การกำหนดขอบเขตการวิจัยมีความสำคัญต่องานวิจัย เนื่องจากช่วยให้ผู้วิจัยสามารถระบุได้ว่าการวิจัยที่จะศึกษามีขอบข่ายกว้างขวางเพียงใด และควรมุ่งเน้นไปที่ประเด็นใดบ้าง การกำหนดขอบเขตการวิจัยที่ชัดเจนจะช่วยทำให้ผู้วิจัยสามารถดำเนินการวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลาและทรัพยากร

ในการกำหนดขอบเขตการวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย วัตถุประสงค์ของการวิจัยเป็นตัวกำหนดขอบเขตของเนื้อหาที่ควรศึกษา ผู้วิจัยควรพิจารณาวัตถุประสงค์ของการวิจัยอย่างรอบคอบ เพื่อให้สามารถกำหนดขอบเขตของเนื้อหาที่ศึกษาได้อย่างเหมาะสม
  • ความเป็นไปได้ในการดำเนินการวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อความเป็นไปได้ในการดำเนินการวิจัย เช่น ระยะเวลาในการวิจัย งบประมาณในการวิจัย เครื่องมือและอุปกรณ์ในการวิจัย เป็นต้น
  • ความสำคัญและประโยชน์ของการวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาความสำคัญและประโยชน์ของการวิจัย เพื่อให้สามารถกำหนดขอบเขตของเนื้อหาที่ศึกษาได้อย่างเหมาะสม
  1. ค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเขียนงานวิจัย เนื่องจากช่วยให้ผู้วิจัยเข้าใจถึงองค์ความรู้และผลการวิจัยในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือปัญหาวิจัยที่ต้องการศึกษา ข้อมูลจากการค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ผู้วิจัยสามารถกำหนดแนวทางและวิธีการดำเนินการวิจัยของตนเองได้อย่างเหมาะสม

ในการค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยสามารถค้นหาได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น ฐานข้อมูลออนไลน์ วารสารวิชาการ หนังสือวิชาการ เป็นต้น

ในการค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากฐานข้อมูลออนไลน์ ผู้วิจัยควรใช้คำสำคัญ (keywords) หรือวลีที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อหรือปัญหาวิจัยที่ต้องการศึกษาในการค้นหา เช่น ในกรณีนี้ ผู้วิจัยอาจใช้คำสำคัญ เช่น “เทคโนโลยีดิจิทัล”, “การศึกษา”, “ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน”, “พฤติกรรมการเรียนรู้”, และ “ทัศนคติต่อการเรียน” ในการค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังสามารถใช้เครื่องมือช่วยค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น Google Scholar หรือ Web of Science เป็นต้น เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้ผู้วิจัยสามารถค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

ในการค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ความทันสมัยของงานวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาความทันสมัยของงานวิจัย โดยควรเลือกงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในช่วง 5-10 ปี ที่ผ่านมา
  • ความน่าเชื่อถือของงานวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของงานวิจัย โดยพิจารณาจากแหล่งข้อมูลตีพิมพ์ของงานวิจัยนั้นๆ เช่น ชื่อวารสารวิชาการ สำนักพิมพ์ เป็นต้น
  • ความเหมาะสมของงานวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาความเหมาะสมของงานวิจัย โดยพิจารณาจากขอบเขตการวิจัยของงานวิจัยนั้นๆ ว่าสอดคล้องกับขอบเขตการวิจัยของตนเองหรือไม่

ผู้วิจัยควรบันทึกข้อมูลสำคัญของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลผู้วิจัย วัตถุประสงค์ของการวิจัย ตัวแปรในการวิจัย วิธีการศึกษา ผลการศึกษา และข้อเสนอแนะจากงานวิจัย เพื่อใช้ในการอ้างอิงในงานวิจัยของตนเอง

  1. วิเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การวิเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการเขียนงานวิจัย เนื่องจากช่วยให้ผู้วิจัยเข้าใจถึงวัตถุประสงค์และวิธีการดำเนินการวิจัยของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผลการศึกษาที่ได้ และข้อเสนอแนะจากงานวิจัย

ในการวิเคราะห์งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยควรพิจารณาประเด็นต่างๆ ดังนี้

  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาวัตถุประสงค์ของการวิจัยของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าใจว่างานวิจัยนั้นๆ มุ่งศึกษาประเด็นใด
  • ตัวแปรในการวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาตัวแปรในการวิจัยของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าใจว่างานวิจัยนั้นๆ ใช้ตัวแปรใดในการวัดผล
  • วิธีการศึกษา ผู้วิจัยควรพิจารณาวิธีการศึกษาของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าใจว่างานวิจัยนั้นๆ ใช้วิธีการใดในการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล
  • ผลการศึกษา ผู้วิจัยควรพิจารณาผลการศึกษาของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าใจว่างานวิจัยนั้นๆ พบอะไรบ้าง
  • ข้อเสนอแนะจากงานวิจัย ผู้วิจัยควรพิจารณาข้อเสนอแนะจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาพิจารณาในการกำหนดแนวทางและวิธีการดำเนินการวิจัยของตนเอง
  1. สรุปประเด็นสำคัญ


การสรุปประเด็นสำคัญ (Key Points Summary) คือการสรุปสาระสำคัญหรือใจความสำคัญของเรื่องที่ได้ฟังหรือได้อ่าน เป็นการจับใจความสำคัญหรือประเด็นหลักของเรื่องที่ได้ศึกษามา เพื่อความเข้าใจที่รวดเร็วและง่ายขึ้น

การสรุปประเด็นสำคัญสามารถทำได้โดยพิจารณาจากประเด็นต่อไปนี้

  • หัวข้อเรื่อง หัวข้อเรื่องจะช่วยให้สามารถระบุได้ว่าเรื่องนั้นๆ เกี่ยวกับอะไร
  • วัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์จะช่วยให้สามารถระบุได้ว่าผู้เขียนหรือผู้พูดต้องการสื่ออะไร
  • เนื้อหา เนื้อหาจะช่วยให้สามารถระบุได้ว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง

การสรุปประเด็นสำคัญสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • การสรุปประเด็นสำคัญเป็นข้อความสั้นๆ
  • การสรุปประเด็นสำคัญเป็นแผนภูมิหรือกราฟ
  • การสรุปประเด็นสำคัญเป็นตาราง

ในการสรุปประเด็นสำคัญ ควรพิจารณาความเหมาะสมกับลักษณะของเรื่องที่ได้ศึกษามา

  1. เชื่อมโยงกับงานวิจัยของตนเอง

เมื่อสรุปประเด็นสำคัญจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องแล้ว ผู้วิจัยจะต้องเชื่อมโยงประเด็นเหล่านั้นกับงานวิจัยของตนเอง โดยอธิบายว่างานวิจัยของตนเองมีจุดเด่นหรือจุดแตกต่างจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอย่างไร

ในการเชื่อมโยงงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยควรอธิบายว่างานวิจัยของตนเองมีจุดเด่นหรือจุดแตกต่างจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องอย่างไร เช่น งานวิจัยของตนเองมีขอบเขตการวิจัยที่กว้างกว่า งานวิจัยของตนเองใช้วิธีการดำเนินการวิจัยที่ใหม่กว่า หรืองานวิจัยของตนเองให้ผลการศึกษาที่แตกต่างไปจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

ตัวอย่างการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

สมมติว่าผู้วิจัยสนใจทำวิจัยเกี่ยวกับ “ผลกระทบของเทคโนโลยีดิจิทัลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย” ในการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยอาจเขียนบทความโดยมีโครงสร้างดังนี้

บทนำ

ในบทนำ ผู้วิจัยควรกล่าวถึงความเป็นมาและความสำคัญของปัญหาวิจัยที่ต้องการศึกษา โดยอาจกล่าวถึงปัญหาหรือข้อขัดแย้งทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจัย หรือกล่าวถึงความสำคัญของหัวข้อวิจัยที่มีต่อสังคมหรือชุมชน

ขอบเขตการวิจัย

ในบทนำ ผู้วิจัยควรกำหนดขอบเขตการวิจัย โดยอาจระบุถึงตัวแปรในการวิจัย ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ระยะเวลาในการวิจัย และสถานที่ในการวิจัย

การทบทวนวรรณกรรม

ในบทนี้ ผู้วิจัยควรนำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยอาจจัดเรียงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องตามลำดับเวลาหรือตามลำดับความสำคัญ โดยพิจารณาจากประเด็นต่างๆ เช่น วัตถุประสงค์ของการวิจัย ตัวแปรในการวิจัย วิธีการศึกษา ผลการศึกษา และข้อเสนอแนะจากงานวิจัย

ในการนำเสนองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ผู้วิจัยควรสรุปประเด็นสำคัญจากงานวิจัยเหล่านั้น โดยอาจสรุปในรูปแบบของตาราง แผนภูมิ หรือข้อความ เป็นต้น

การอภิปราย

ในบทนี้ ผู้วิจัยควรอภิปรายถึงประเด็นต่างๆ ที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม โดยอาจอภิปรายถึงข้อจำกัดของงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ประเด็นที่ยังไม่ได้รับการตอบคำถาม และข้อเสนอแนะสำหรับงานวิจัยในอนาคต

บทสรุป

ในบทสรุป ผู้วิจัยควรสรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการทบทวนวรรณกรรม โดยอาจสรุปประเด็นที่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย หรือประเด็นที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงหรือข้อเสนอแนะใหม่ๆ

จากตัวอย่างการเขียนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องข้างต้น ผู้วิจัยควรปรับโครงสร้างของบทความให้เหมาะสมกับหัวข้อวิจัยของตนเอง โดยคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น