ทฤษฎีการตัดสินใจ เป็นสาขาวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการตัดสินใจของมนุษย์ โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูล ทางเลือก ผลลัพธ์ และความเสี่ยง บทความนี้จะศึกษา การเปรียบเทียบทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์และเชิงปัจเจกนิยม โดยทั่วไปแล้ว ทฤษฎีการตัดสินใจสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักๆ ได้แก่ ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ (Utilitarian Decision Theory) และทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม (Individualistic Decision Theory)
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ เป็นทฤษฎีที่ถือว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยประโยชน์สูงสุดในที่นี้หมายถึงผลรวมของประโยชน์ที่ได้รับจากทุกทางเลือก ประโยชน์ที่ได้รับจากแต่ละทางเลือกนั้นสามารถวัดได้จากอรรถประโยชน์ (Utility) ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจหรือความพอใจที่ได้รับจากทางเลือกนั้น
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์มีสมมติฐานที่สำคัญสองประการ ได้แก่
1. สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ชัดเจน (Clear Preferences)
สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ชัดเจน (Clear Preferences) เป็นสมมติฐานที่ใช้ในทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ ซึ่งถือว่าบุคคลมีลำดับความชอบที่ชัดเจนสำหรับทางเลือกต่างๆ โดยสามารถเปรียบเทียบความชอบระหว่างทางเลือกต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ
สมมติฐานนี้ถูกตั้งขึ้นโดย Jeremy Bentham นักปรัชญาชาวอังกฤษ โดย Bentham เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีแนวโน้มที่จะแสวงหาความสุขและความพึงพอใจ และหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานและความไม่พอใจ ดังนั้น การตัดสินใจที่ดีที่สุดของมนุษย์คือการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ชัดเจนเป็นสมมติฐานที่สำคัญของทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ เนื่องจากสมมติฐานนี้ทำให้สามารถเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ ได้อย่างเป็นปริมาณ โดยสามารถวัดประโยชน์ที่ได้รับจากแต่ละทางเลือกได้จากอรรถประโยชน์ (Utility) ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจหรือความพอใจที่ได้รับจากทางเลือกนั้น
อย่างไรก็ตาม สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ชัดเจนอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเสมอไป เนื่องจากความชอบของบุคคลนั้นอาจไม่ชัดเจนหรือไม่สามารถวัดได้ ตัวอย่างเช่น บุคคลอาจไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าชอบอาหารไทยหรืออาหารจีนมากกว่ากัน หรือบุคคลอาจไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรซื้อรถยนต์คันไหนดี โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าสมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ชัดเจนอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ได้แก่
- การตัดสินใจรับประทานอาหาร บางครั้งบุคคลอาจไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าชอบอาหารไทยหรืออาหารจีนมากกว่ากัน เนื่องจากทั้งสองอย่างมีความอร่อยและน่ารับประทานพอๆ กัน
- การตัดสินใจซื้อรถยนต์ บางครั้งบุคคลอาจไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรซื้อรถยนต์คันไหนดี โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ราคา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้อาจมีความสำคัญแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ดังนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว การตัดสินใจของบุคคลอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ชัดเจนเสมอไป แต่อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเชื่อ คุณค่า และทัศนคติ
2. สมมติฐานเกี่ยวกับอรรถประโยชน์ที่วัดได้ (Measurable Utility)
สมมติฐานเกี่ยวกับอรรถประโยชน์ที่วัดได้ (Measurable Utility) เป็นสมมติฐานที่ใช้ในทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ ซึ่งถือว่าอรรถประโยชน์เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ ซึ่งหมายความว่าสามารถเปรียบเทียบอรรถประโยชน์ระหว่างทางเลือกต่างๆ ได้อย่างเป็นปริมาณ
สมมติฐานนี้ถูกตั้งขึ้นโดย Jeremy Bentham นักปรัชญาชาวอังกฤษ โดย Bentham เชื่อว่าอรรถประโยชน์สามารถวัดได้จากหน่วยที่เรียกว่า “ยูทิล” (Util) ซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจหรือความพอใจที่ได้รับจากทางเลือกนั้น
สมมติฐานเกี่ยวกับอรรถประโยชน์ที่วัดได้เป็นสมมติฐานที่สำคัญของทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ เนื่องจากสมมติฐานนี้ทำให้สามารถเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ ได้อย่างเป็นปริมาณ ซึ่งช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม สมมติฐานเกี่ยวกับอรรถประโยชน์ที่วัดได้อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงเสมอไป เนื่องจากอรรถประโยชน์นั้นอาจไม่สามารถวัดได้หรือวัดได้ไม่แม่นยำ ตัวอย่างเช่น บุคคลอาจไม่สามารถบอกได้ว่าอรรถประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานอาหารไทยมากกว่าอาหารจีนกี่ยูทิล หรือบุคคลอาจไม่สามารถบอกได้ว่าอรรถประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นเจ้าของรถยนต์คันหนึ่งมากกว่ารถยนต์คันอื่นกี่ยูทิล
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าสมมติฐานเกี่ยวกับอรรถประโยชน์ที่วัดได้อาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ได้แก่
- การตัดสินใจรับประทานอาหาร บางครั้งบุคคลอาจไม่สามารถบอกได้ว่าอรรถประโยชน์ที่ได้รับจากการรับประทานอาหารไทยมากกว่าอาหารจีนกี่ยูทิล เนื่องจากอรรถประโยชน์นั้นอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น รสชาติ กลิ่น และบรรยากาศ
- การตัดสินใจซื้อรถยนต์ บางครั้งบุคคลอาจไม่สามารถบอกได้ว่าอรรถประโยชน์ที่ได้รับจากการเป็นเจ้าของรถยนต์คันหนึ่งมากกว่ารถยนต์คันอื่นกี่ยูทิล เนื่องจากอรรถประโยชน์นั้นอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ราคา ความสะดวกสบาย และความปลอดภัย
ดังนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว การตัดสินใจของบุคคลอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานเกี่ยวกับอรรถประโยชน์ที่วัดได้เสมอไป แต่อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเชื่อ คุณค่า และทัศนคติ
ตัวอย่างของทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์
สมมติว่ามีบุคคลสองคนกำลังตัดสินใจว่าจะรับประทานอาหารเย็นที่ไหน โดยบุคคลแรกชอบอาหารไทยมากกว่าอาหารจีน และบุคคลที่สองชอบอาหารจีนมากกว่าอาหารไทย ในกรณีนี้ การตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งก็คือการรับประทานอาหารที่ตรงกับความชอบของบุคคลนั้นมากที่สุด
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม เป็นทฤษฎีที่ถือว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการตัดสินใจที่ตอบสนองความต้องการของบุคคลมากที่สุด โดยความต้องการของบุคคลนั้นสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่างๆ เช่น ความเชื่อ คุณค่า และทัศนคติ
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยมมีสมมติฐานที่สำคัญประการเดียว ได้แก่
สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ปัจเจก (Individual Preferences)
สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ปัจเจก (Individual Preferences) เป็นสมมติฐานที่ใช้ในทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม ซึ่งถือว่าความชอบของบุคคลนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเปรียบเทียบความชอบระหว่างบุคคลต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ
สมมติฐานนี้ถูกตั้งขึ้นโดย John Stuart Mill นักปรัชญาชาวอังกฤษ โดย Mill เชื่อว่าแต่ละบุคคลมีสิทธิที่จะเลือกสิ่งที่ตนต้องการ ดังนั้น การตัดสินใจที่ดีที่สุดของบุคคลคือการตัดสินใจที่ตอบสนองความต้องการของบุคคลนั้นมากที่สุด
สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ปัจเจกเป็นสมมติฐานที่สำคัญของทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม เนื่องจากสมมติฐานนี้สอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากความชอบของบุคคลนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตัวอย่างเช่น บุคคลหนึ่งอาจให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าราคา ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจให้ความสำคัญกับราคามากกว่าความปลอดภัย
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าสมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ปัจเจกอาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ได้แก่
- การตัดสินใจรับประทานอาหาร บางครั้งบุคคลอาจให้ความสำคัญกับรสชาติมากกว่าราคา ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจให้ความสำคัญกับราคามากกว่ารสชาติ
- การตัดสินใจซื้อรถยนต์ บางครั้งบุคคลอาจให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าความสะดวกสบาย ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายมากกว่าความปลอดภัย
ดังนั้น ในทางปฏิบัติแล้ว การตัดสินใจของบุคคลอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ปัจเจกเสมอไป แต่อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเชื่อ คุณค่า และทัศนคติ
ข้อดีของสมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ปัจเจก ได้แก่
- สอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากความชอบของบุคคลนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- ให้ความสำคัญกับความต้องการของบุคคลเป็นหลัก
ข้อเสียของสมมติฐานเกี่ยวกับความชอบที่ปัจเจก ได้แก่
- อาจทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบการตัดสินใจของบุคคลต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ
- อาจทำให้การตัดสินใจของบุคคลไม่เป็นไปตามประโยชน์สูงสุด
ตัวอย่างของทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม
สมมติว่ามีบุคคลสองคนกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อรถยนต์คันใหม่ โดยบุคคลแรกให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าราคา และบุคคลที่สองให้ความสำคัญกับราคามากกว่าความปลอดภัย ในกรณีนี้ การตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการตัดสินใจที่ตอบสนองความต้องการของบุคคลนั้นมากที่สุด ซึ่งก็คือการซื้อรถยนต์ที่ตรงกับความต้องการของบุคคลนั้นมากที่สุด
การเปรียบเทียบทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์กับทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์และทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยมเป็นทฤษฎีการตัดสินใจสองประเภทที่มีแนวคิดที่แตกต่างกัน โดยทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ถือว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะที่ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยมถือว่าการตัดสินใจที่ดีที่สุดคือการตัดสินใจที่ตอบสนองความต้องการของบุคคลมากที่สุด
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างทฤษฎีทั้งสองประการมีดังนี้
- ประเด็น : แนวคิดของการตัดสินใจที่ดีที่สุด
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ : ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม : ตอบสนองความต้องการของบุคคลมากที่สุด
- ประเด็น : สมมติฐานเกี่ยวกับความชอบ
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์ : ความชอบที่ชัดเจนและสามารถวัดได้
ทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยม : ความชอบที่ปัจเจก
ทั้งนี้ การเปรียบเทียบทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์และเชิงปัจเจกนิยม พบว่าทฤษฎีการตัดสินใจทั้งสองประการมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป โดยทฤษฎีการตัดสินใจเชิงอรรถประโยชน์มีข้อดีคือสามารถเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ ได้อย่างเป็นปริมาณ แต่มีข้อเสียคืออาจไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากความชอบของบุคคลนั้นอาจไม่ชัดเจนหรือไม่สามารถวัดได้ ส่วนทฤษฎีการตัดสินใจเชิงปัจเจกนิยมมีข้อดีคือสอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากคำนึงถึงความชอบของบุคคล แต่มีข้อเสียคืออาจไม่สามารถเปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ ได้อย่างเป็นปริมาณ