การวิจัยเป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นหาความรู้และตอบคำถามเกี่ยวกับโลก การออกแบบการวิจัยที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เชื่อถือได้และถูกต้อง สองวิธีการหลักที่ใช้ในวิทยาศาสตร์สังคมคือ การวิจัยเชิงทดลอง และ การวิจัยกึ่งทดลอง
บทความนี้มุ่งเป้าไปที่การอธิบายความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองวิธีการวิจัยนี้:
1. การควบคุมตัวแปร:
- การวิจัยเชิงทดลอง: นักวิจัยควบคุมตัวแปรอย่างเข้มงวด ตัวแปรอิสระ (ตัวแปรที่นักวิจัยเปลี่ยนแปลง) ถูกจัดการอย่างตั้งใจเพื่อวัดผลต่อตัวแปรตาม (ตัวแปรที่วัดผล)
- การวิจัยกึ่งทดลอง: นักวิจัยมีการควบคุมตัวแปรน้อยกว่า ตัวแปรอิสระอาจเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือถูกควบคุมบางส่วน
2. การสุ่มตัวอย่าง:
- การวิจัยเชิงทดลอง: ผู้เข้าร่วมการวิจัยถูกสุ่มแบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่าความแตกต่างในผลลัพธ์เกิดจากตัวแปรอิสระ ไม่ใช่จากตัวแปรอื่น
- การวิจัยกึ่งทดลอง: ผู้เข้าร่วมการวิจัยอาจไม่ถูกสุ่มตัวอย่าง กลุ่มเปรียบเทียบอาจถูกเลือกตามเกณฑ์อื่น
3. การออกแบบการวิจัย:
- การวิจัยเชิงทดลอง: มักใช้การออกแบบแบบกลุ่มเดียวก่อน-หลัง หรือแบบสองกลุ่มก่อน-หลัง
- การวิจัยกึ่งทดลอง: มีการออกแบบที่หลากหลาย เช่น การออกแบบกลุ่มเดียวก่อน-หลัง การออกแบบกลุ่มเดียวที่มีกลุ่มเปรียบเทียบ การออกแบบแบบ time-series
4. ความสามารถในการสรุปผล:
- การวิจัยเชิงทดลอง: ผลลัพธ์สามารถสรุปไปยังประชากรเป้าหมายได้
- การวิจัยกึ่งทดลอง: ผลลัพธ์มีแนวโน้มที่จะจำกัดเฉพาะกลุ่มตัวอย่างที่ศึกษา
5. ตัวอย่าง:
- การวิจัยเชิงทดลอง: การศึกษาเพื่อทดสอบผลของยาใหม่ต่อความดันโลหิต ผู้เข้าร่วมการวิจัยถูกสุ่มแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งได้รับยาจริง อีกกลุ่มได้รับยาหลอก
- การวิจัยกึ่งทดลอง: การศึกษาเพื่อเปรียบเทียบผลการเรียนของนักเรียนสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเรียนในชั้นเรียนที่มีขนาดเล็ก อีกกลุ่มเรียนในชั้นเรียนที่มีขนาดใหญ่
สรุป:
การวิจัยเชิงทดลองและการวิจัยกึ่งทดลองเป็นวิธีการที่มีประโยชน์ในการวิจัย แต่ละวิธีมีจุดแข็งและจุดอ่อน การเลือกวิธีการที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับคำถามการวิจัย ทรัพยากรที่มีอยู่ และข้อจำกัดทางจริยธรรม