งานวิจัยเป็นผลงานทางวิชาการที่ต้องอาศัยความซื่อสัตย์และความโปร่งใส การคัดลอกผลงานผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง หรือที่เรียกว่า “การลอกเลียนแบบ” (Plagiarism) เป็นสิ่งที่นักวิจัยควรหลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด บทความนี้ขอเสนอคำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนงานวิจัยเพื่อป้องกันปัญหาการคัดลอก ดังนี้
1. เข้าใจความหมายของการลอกเลียนแบบ
การลอกเลียนแบบ ไม่ได้จำกัดแค่การคัดลอกข้อความหรือเนื้อหาจากงานอื่นมาทั้งดุ้น แต่ยังรวมถึงการลอกเลียนแบบแนวคิด วิธีการ รูปแบบ และข้อมูล โดยไม่ให้เครดิตแก่เจ้าของผลงานต้นฉบับ
2. จดบันทึกอย่างมีระบบ
ระหว่างการศึกษาค้นคว้า ควรจดบันทึกแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างละเอียด จดบันทึกหน้าเว็บ บทความ หนังสือ หรือเอกสารอื่นๆ ที่ใช้อ้างอิง แยกแยะให้ชัดเจนว่าข้อความใดเป็นคำพูดของผู้อื่น และข้อความใดเป็นการเขียนของตัวเอง
3. ฝึกฝนทักษะการเขียน
นักวิจัยควรฝึกฝนการเขียนงานด้วยภาษาของตัวเอง ฝึก paraphrasing หรือการเขียนอธิบายความหมายใหม่จากงานต้นฉบับ โดยไม่ต้องลอกเลียนแบบคำต่อคำ
4. อ้างอิงแหล่งที่มาอย่างถูกต้อง
การอ้างอิงแหล่งที่มา ช่วยให้ผู้อ่านสามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และแสดงให้เห็นว่านักวิจัยให้ความเคารพต่อผลงานของผู้อื่น ควรศึกษาและปฏิบัติตามรูปแบบการอ้างอิงที่ถูกต้อง เช่น APA, MLA หรือ Chicago
5. ตรวจสอบงานวิจัยก่อนส่ง
ก่อนส่งงานวิจัย นักวิจัยควรตรวจสอบงานของตัวเองอย่างละเอียด ตรวจสอบการอ้างอิง ตรวจทานการใช้ภาษา และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล
6. ใช้เครื่องมือช่วยตรวจสอบการลอกเลียนแบบ
ปัจจุบันมีเครื่องมือออนไลน์มากมายที่สามารถช่วยตรวจสอบการลอกเลียนแบบ เช่น Turnitin, Grammarly การใช้เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบงานของตัวเองก่อนส่ง
7. ปรึกษาอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
หากนักวิจัยไม่แน่ใจเกี่ยวกับประเด็นใดๆ ควรปรึกษาอาจารย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำแนะนำ
8. ยึดมั่นในจริยธรรมการวิจัย
นักวิจัยควรยึดมั่นในจริยธรรมการวิจัย ซื่อสัตย์ โปร่งใส และรับผิดชอบต่อผลงานของตัวเอง