การวิจัยเชิงผสม (Mixed Methods Research) เป็นวิธีการวิจัยที่ผสมผสานระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเข้าด้วยกัน เพื่อศึกษาปัญหาการวิจัยอย่างลึกซึ้งและครอบคลุม บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การอธิบายรูปแบบและวิธีการของการออกแบบการวิจัยเชิงผสม
รูปแบบการวิจัยเชิงผสม
รูปแบบการวิจัยเชิงผสมมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับลำดับการเก็บข้อมูล วิธีการวิเคราะห์ และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ รูปแบบที่นิยมใช้ ได้แก่:
- การผสมแบบลำดับ (Sequential Design): เก็บข้อมูลเชิงปริมาณก่อนแล้วจึงเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ หรือ เก็บข้อมูลเชิงคุณภาพก่อนแล้วจึงเก็บข้อมูลเชิงปริมาณ
- การผสมแบบพร้อมกัน (Concurrent Design): เก็บข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพพร้อมกัน
- การผสมแบบฝังตัว (Embedded Design): เก็บข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพแบบผสมผสานในแต่ละขั้นตอนของการวิจัย
วิธีการวิจัยเชิงผสม
วิธีการวิจัยเชิงผสมมีหลากหลาย ขึ้นอยู่กับรูปแบบการวิจัยที่เลือกใช้ ตัวอย่างวิธีการวิจัยเชิงปริมาณ ได้แก่ การสำรวจ การทดลอง และการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติ ตัวอย่างวิธีการวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ การสัมภาษณ์ การสังเกตการณ์ และการวิเคราะห์เนื้อหา
ตัวอย่างการออกแบบการวิจัยเชิงผสม
ตัวอย่างที่ 1: การวิจัยเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อการเรียนการสอนแบบออนไลน์
- รูปแบบการวิจัย: การผสมแบบลำดับ
- วิธีการวิจัย:
- เชิงปริมาณ: เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม
- เชิงคุณภาพ: สัมภาษณ์นักศึกษาแบบกลุ่มย่อย
ตัวอย่างที่ 2: การวิจัยเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการออมเงินของวัยรุ่น
- รูปแบบการวิจัย: การผสมแบบพร้อมกัน
- วิธีการวิจัย:
- เชิงปริมาณ: เก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถาม
- เชิงคุณภาพ: สัมภาษณ์วัยรุ่นแบบเจาะลึก
ข้อดีของการวิจัยเชิงผสม
- เพิ่มความลึกซึ้งและครอบคลุม: ช่วยให้เข้าใจปัญหาการวิจัยได้อย่างลึกซึ้งและครอบคลุม
- การตรวจสอบความถูกต้อง: ช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและผลการวิจัย
- การขยายผล: ช่วยขยายผลการวิจัยเชิงปริมาณด้วยข้อมูลเชิงคุณภาพ
- การตีความ: ช่วยให้ตีความผลการวิจัยได้อย่างชัดเจน
ข้อจำกัดของการวิจัยเชิงผสม
- ความซับซ้อน: การออกแบบและดำเนินการวิจัยมีความซับซ้อน
- เวลา: ใช้เวลามากกว่าการวิจัยเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพเพียงอย่างเดียว
- ค่าใช้จ่าย: มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการวิจัยเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพเพียงอย่างเดียว
สรุป
การวิจัยเชิงผสมเป็นวิธีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพสำหรับการศึกษาปัญหาการวิจัยที่ซับซ้อน การออกแบบการวิจัยเชิงผสมที่ดีขึ้นอยู่กับรูปแบบการวิจัย วิธีการวิจัย และความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ การวิจัยเชิงผสมช่วยให้เข้าใจปัญหาการวิจัยได้อย่างลึกซึ้ง ครอบคลุม และถูกต้อง