เมื่อพูดถึง “วิธีการทำวิจัย” หลายคนมักรู้สึกว่าซับซ้อน เข้าใจยาก และเต็มไปด้วยศัพท์ทางวิชาการ จนทำให้เกิดความกังวลตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงมือทำจริง โดยเฉพาะนักศึกษาที่เพิ่งเริ่มทำงานวิจัยหรือ IS เป็นครั้งแรก
แต่ในความเป็นจริง วิธีการทำวิจัยคือกระบวนการที่เป็นขั้นเป็นตอน หากเข้าใจหลักการและลำดับการทำงานอย่างถูกต้อง งานวิจัยจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป บทความนี้จะช่วยอธิบายวิธีการทำวิจัยแบบเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น และสามารถนำไปใช้ได้จริง
วิธีการทำวิจัย คืออะไร (เข้าใจให้ถูกก่อนเริ่ม)
วิธีการทำวิจัย หรือ ระเบียบวิธีวิจัย (Research Methodology) คือแผนหรือแนวทางที่ผู้วิจัยใช้ในการ
-
ตอบคำถามวิจัย
-
บรรลุวัตถุประสงค์การวิจัย
-
เก็บ วิเคราะห์ และแปลผลข้อมูลอย่างเป็นระบบ
กล่าวง่าย ๆ คือ วิธีการทำวิจัยเป็นตัวบอกว่า คุณจะทำวิจัยอย่างไร ตั้งแต่ต้นจนจบ
ขั้นตอนที่ 1 เลือกประเภทการวิจัยให้เหมาะสม
การทำวิจัยจะง่ายขึ้นมาก หากเริ่มจากการเลือกประเภทการวิจัยให้ตรงกับเป้าหมาย โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
การวิจัยเชิงปริมาณ
-
ใช้แบบสอบถาม ตัวเลข และสถิติ
-
เหมาะกับการศึกษาความพึงพอใจ ความคิดเห็น หรือปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรม
การวิจัยเชิงคุณภาพ
-
ใช้การสัมภาษณ์ การสังเกต หรือเอกสาร
-
เหมาะกับการศึกษาความหมาย ประสบการณ์ และมุมมองเชิงลึก
การวิจัยแบบผสมผสาน
-
ใช้ทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
-
เหมาะกับงานที่ต้องการข้อมูลรอบด้าน
เลือกให้เหมาะ จะช่วยลดความซับซ้อนของขั้นตอนถัดไป
ขั้นตอนที่ 2 กำหนดกลุ่มตัวอย่างหรือแหล่งข้อมูล
เมื่อเลือกประเภทการวิจัยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนดว่า
-
จะเก็บข้อมูลจากใคร
-
จำนวนเท่าใด
-
ใช้วิธีการคัดเลือกแบบใด
สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเลือกกลุ่มตัวอย่างที่
-
เข้าถึงได้ง่าย
-
มีความเกี่ยวข้องกับหัวข้อวิจัย
-
ไม่ซับซ้อนเกินไป
การกำหนดกลุ่มตัวอย่างที่เหมาะสมช่วยให้งานวิจัยดำเนินไปอย่างราบรื่น
ขั้นตอนที่ 3 เลือกและออกแบบเครื่องมือวิจัย
เครื่องมือวิจัยคือสิ่งที่ใช้เก็บข้อมูล เช่น
-
แบบสอบถาม
-
แบบสัมภาษณ์
-
แบบบันทึกการสังเกต
เคล็ดลับสำหรับผู้เริ่มต้นคือ
-
ใช้เครื่องมือที่เรียบง่าย
-
คำถามชัดเจน ไม่กำกวม
-
สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย
เครื่องมือที่ดีจะช่วยลดปัญหาในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล
ขั้นตอนที่ 4 วางแผนการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
ก่อนเก็บข้อมูลจริง ควรวางแผนให้ชัดเจนว่า
-
จะเก็บข้อมูลเมื่อไร
-
ใช้ช่องทางใด (ออนไลน์ / ออนไซต์)
-
ใช้เวลานานแค่ไหน
การวางแผนล่วงหน้าช่วยลดความผิดพลาด และทำให้การเก็บข้อมูลเสร็จตามกรอบเวลา
ขั้นตอนที่ 5 วิเคราะห์ข้อมูลแบบเข้าใจง่าย
การวิเคราะห์ข้อมูลไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเสมอไป สำหรับผู้เริ่มต้น สามารถใช้
-
สถิติพื้นฐาน เช่น ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
-
การจัดหมวดหมู่ข้อมูลเชิงคุณภาพ
สิ่งสำคัญคือการเลือกวิธีวิเคราะห์ที่
-
เหมาะกับประเภทข้อมูล
-
ตอบคำถามวิจัยได้จริง
ขั้นตอนที่ 6 เขียนรายงานวิจัยตามโครงสร้างมาตรฐาน
งานวิจัยส่วนใหญ่มักมีโครงสร้างหลัก ได้แก่
-
บทนำ
-
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
-
วิธีดำเนินการวิจัย
-
ผลการวิจัย
-
สรุปและอภิปรายผล
การเขียนตามโครงสร้างนี้จะช่วยให้งานเป็นระบบ อ่านเข้าใจง่าย และผ่านการประเมินได้ง่ายขึ้น
ขั้นตอนที่ 7 ตรวจสอบและปรับปรุงงานวิจัย
ก่อนส่งงาน ควรตรวจสอบว่า
-
วิธีการทำวิจัยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์หรือไม่
-
ขั้นตอนการดำเนินงานชัดเจนหรือไม่
-
ภาษาและรูปแบบถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่
การตรวจสอบขั้นสุดท้ายช่วยลดข้อผิดพลาดและเพิ่มความมั่นใจ
ทำไมวิธีการทำวิจัยจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
เพราะในปัจจุบัน
-
มีตัวอย่างและแนวทางให้ศึกษาได้มาก
-
มีเครื่องมือดิจิทัลช่วยวิเคราะห์ข้อมูล
-
มีที่ปรึกษาและแหล่งความรู้หลากหลาย
เมื่อเข้าใจขั้นตอนและเลือกแนวทางที่เหมาะสม วิธีการทำวิจัยจะกลายเป็นเรื่องที่ “จัดการได้” ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
สรุป: เข้าใจวิธีการทำวิจัย งานวิจัยก็ไม่ยากอย่างที่คิด
วิธีการทำวิจัยจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากผู้วิจัยเข้าใจหลักการ เลือกประเภทวิจัยที่เหมาะสม วางแผนเป็นขั้นตอน และลงมือทำอย่างเป็นระบบ
สำหรับผู้เริ่มต้น การทำวิจัยไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบตั้งแต่ครั้งแรก แต่การเริ่มต้นอย่างถูกวิธี จะช่วยให้งานวิจัยของคุณสำเร็จได้อย่างมั่นใจและเป็นมืออาชีพมากขึ้น
มั่นใจในคุณภาพงานวิจัย ด้วยทีมงานระดับมืออาชีพ
บทความนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ความรู้ที่เราเชี่ยวชาญ หากคุณต้องการยกระดับงานวิจัยของคุณให้มีความสมบูรณ์แบบ เราให้บริการ รับทำวิทยานิพนธ์ และ รับทำวิจัย ครบวงจร ครอบคลุมทั้งสายสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ การันตีคุณภาพและความลับของลูกค้า
อย่าปล่อยให้ความกังวลใจฉุดรั้งความสำเร็จของคุณ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตัวจริงวันนี้ ทักไลน์ @impressedu