เทคนิคการเขียนบทนำการวิจัย

บทนำการวิจัยเป็นบทแรกของงานวิจัย ทำหน้าที่ในการแนะนำหัวข้อวิจัยให้ผู้อ่านทราบถึงที่มาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ของการทำวิจัย ขอบเขตของการวิจัย ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ และนิยามศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนั้นๆ บทความนี้ได้แนะนำ เทคนิคการเขียนบทนำการวิจัย เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้วิจัยนำไปใช้และเข้าใจมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วบทนำการวิจัยจะแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ดังนี้

1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของบทนำการวิจัย ทำหน้าที่ในการแนะนำหัวข้อวิจัยให้ผู้อ่านทราบถึงสภาพปัญหาในปัจจุบัน สาเหตุของปัญหา และผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยผู้วิจัยจะต้องอธิบายให้ชัดเจนว่าปัญหานั้นมีความสำคัญอย่างไรและสมควรที่จะทำวิจัยเกี่ยวกับปัญหานี้หรือไม่

ในการเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา ผู้วิจัยควรคำนึงถึงเทคนิคต่อไปนี้

  • เริ่มต้นด้วยการระบุปัญหาที่ชัดเจน ผู้วิจัยควรเริ่มต้นด้วยการระบุปัญหาที่ชัดเจนว่าปัญหาคืออะไร เกิดขึ้นที่ไหน เมื่อใด และส่งผลกระทบต่อใครบ้าง
  • อธิบายสาเหตุของปัญหา ผู้วิจัยควรอธิบายสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยอาจอธิบายจากปัจจัยต่างๆ เช่น ปัจจัยด้านสังคม ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ ปัจจัยด้านการเมือง ปัจจัยด้านเทคโนโลยี เป็นต้น
  • อธิบายผลกระทบของปัญหา ผู้วิจัยควรอธิบายผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยอาจอธิบายผลกระทบในด้านต่างๆ เช่น ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ผลกระทบด้านสังคม ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
  • แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหา ผู้วิจัยควรแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาว่าปัญหานั้นมีความสำคัญอย่างไร โดยอาจอธิบายว่าปัญหาส่งผลกระทบต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจำนวนมาก ปัญหาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศ หรือปัญหาเป็นปัญหาที่เรื้อรังและยังไม่มีแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจน

ตัวอย่างการเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

ตัวอย่างที่ 1

ปัญหาการจราจรติดขัดเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก สาเหตุของปัญหาการจราจรติดขัดนั้นเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ปริมาณยานพาหนะที่มีมากขึ้น สภาพทางกายภาพของถนนที่ไม่เพียงพอ และพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น ปัญหาการจราจรติดขัดนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนหลายประการ เช่น เสียเวลาในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเสียง และเกิดอุบัติเหตุทางถนน

ปัญหาการจราจรติดขัดเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ปัญหานี้ส่งผลให้ประชาชนเสียเวลาในการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดมลภาวะทางอากาศและเสียง และเกิดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ

ตัวอย่างที่ 2

ปัญหาความยากจนเป็นปัญหาที่เรื้อรังและส่งผลกระทบต่อสังคมไทยมาอย่างยาวนาน สาเหตุของปัญหาความยากจนนั้นเกิดจากหลายปัจจัย เช่น รายได้ที่น้อย ค่าใช้จ่ายที่สูง และโอกาสในการประกอบอาชีพที่จำกัด ปัญหาความยากจนนี้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมไทยหลายประการ เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสุขภาพ และปัญหาการศึกษา

ปัญหาความยากจนเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสังคมไทยอย่างกว้างขวาง ปัญหานี้ส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสุขภาพ และปัญหาการศึกษา ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลเสียต่อการพัฒนาประเทศ

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเขียนความเป็นมาและความสำคัญของปัญหานั้น ผู้วิจัยควรอธิบายถึงปัญหาที่ชัดเจน สาเหตุของปัญหา ผลกระทบของปัญหา และแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจถึงปัญหาและความจำเป็นที่จะต้องทำวิจัยเกี่ยวกับปัญหานั้น

2. วัตถุประสงค์ของการทำวิจัย

วัตถุประสงค์ของการทำวิจัย เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของบทนำการวิจัย ทำหน้าที่ในการอธิบายถึงสิ่งที่ผู้วิจัยต้องการจะบรรลุจากการวิจัยนั้น โดยวัตถุประสงค์ของการทำวิจัยควรเป็นสิ่งที่สามารถวัดผลได้และสอดคล้องกับปัญหาที่ศึกษา

ในการเขียนวัตถุประสงค์ของการทำวิจัย ผู้วิจัยควรคำนึงถึงเทคนิคต่อไปนี้

  • เริ่มต้นด้วยการระบุวัตถุประสงค์หลัก ผู้วิจัยควรเริ่มต้นด้วยการระบุวัตถุประสงค์หลักของการทำวิจัยว่าต้องการจะบรรลุอะไรบ้าง
  • ระบุวัตถุประสงค์ย่อย ผู้วิจัยอาจระบุวัตถุประสงค์ย่อยเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
  • ใช้ภาษาที่ชัดเจนและตรงประเด็น ผู้วิจัยควรใช้ภาษาที่ชัดเจนและตรงประเด็น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจวัตถุประสงค์ของการทำวิจัยได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างการเขียนวัตถุประสงค์ของการทำวิจัย

ตัวอย่างที่ 1

วัตถุประสงค์ของการทำวิจัยนี้เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อปัญหาการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

วัตถุประสงค์ย่อยของการทำวิจัยนี้ ได้แก่

  • เพื่อศึกษาปริมาณยานพาหนะที่มีอิทธิพลต่อปัญหาการจราจรติดขัด
  • เพื่อศึกษาสภาพทางกายภาพของถนนที่มีอิทธิพลต่อปัญหาการจราจรติดขัด
  • เพื่อศึกษาพฤติกรรมการขับขี่ที่มีอิทธิพลต่อปัญหาการจราจรติดขัด

ตัวอย่างที่ 2

วัตถุประสงค์ของการทำวิจัยนี้เพื่อศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย

วัตถุประสงค์ย่อยของการทำวิจัยนี้ ได้แก่

  • เพื่อศึกษาผลกระทบของ AI ต่อประสิทธิภาพในการทำงานของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
  • เพื่อศึกษาผลกระทบของ AI ต่อคุณภาพของบริการของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
  • เพื่อศึกษาผลกระทบของ AI ต่อประสบการณ์ของลูกค้าของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเขียนวัตถุประสงค์ของการทำวิจัยนั้น ผู้วิจัยควรระบุวัตถุประสงค์หลักอย่างชัดเจน และอาจระบุวัตถุประสงค์ย่อยเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย

3. ขอบเขตของการวิจัย


ขอบเขตของการวิจัย เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของบทนำการวิจัย ทำหน้าที่ในการอธิบายถึงขอบเขตของการศึกษาวิจัย โดยขอบเขตของการวิจัยควรครอบคลุมถึงประเด็นหลักที่ศึกษา ประชากรในการวิจัย พื้นที่ที่ใช้การวิจัย ระยะเวลาที่ทำการศึกษาวิจัย และตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย

ในการเขียนขอบเขตของการวิจัย ผู้วิจัยควรคำนึงถึงเทคนิคต่อไปนี้

  • ระบุประเด็นหลักที่ศึกษา ผู้วิจัยควรระบุประเด็นหลักที่ศึกษาให้ชัดเจนว่าต้องการจะศึกษาอะไรบ้าง
  • ระบุประชากรในการวิจัย ผู้วิจัยควรระบุประชากรในการวิจัยว่าเป็นผู้ใด อยู่ที่ไหน และจำนวนเท่าไร
  • ระบุพื้นที่ที่ใช้การวิจัย ผู้วิจัยควรระบุพื้นที่ที่ใช้การวิจัยว่าอยู่ที่ใด
  • ระบุระยะเวลาที่ทำการศึกษาวิจัย ผู้วิจัยควรระบุระยะเวลาที่ทำการศึกษาวิจัยว่านานเท่าใด
  • ระบุตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยควรระบุตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยว่ามีอะไรบ้าง

ตัวอย่างการเขียนขอบเขตของการวิจัย

ตัวอย่างที่ 1

ขอบเขตของการวิจัยนี้ ประกอบด้วย

  • ประเด็นหลักที่ศึกษา: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อปัญหาการจราจรติดขัดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ประชากรในการวิจัย: ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • พื้นที่ที่ใช้การวิจัย: เขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ระยะเวลาที่ทำการศึกษาวิจัย: 1 ปี
  • ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อปัญหาการจราจรติดขัด ได้แก่ ปริมาณยานพาหนะ สภาพทางกายภาพของถนน และพฤติกรรมการขับขี่

ตัวอย่างที่ 2

ขอบเขตของการวิจัยนี้ ประกอบด้วย

  • ประเด็นหลักที่ศึกษา: ผลกระทบของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย
  • ประชากรในการวิจัย: ผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย
  • พื้นที่ที่ใช้การวิจัย: ประเทศไทย
  • ระยะเวลาที่ทำการศึกษาวิจัย: 2 ปี
  • ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย: ผลกระทบของ AI ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ ประสิทธิภาพในการทำงาน คุณภาพของบริการ และประสบการณ์ของลูกค้า

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเขียนขอบเขตของการวิจัยนั้น ผู้วิจัยควรระบุประเด็นหลักที่ศึกษา ประชากรในการวิจัย พื้นที่ที่ใช้การวิจัย ระยะเวลาที่ทำการศึกษาวิจัย และตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจขอบเขตของการศึกษาวิจัย

4. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของบทนำการวิจัย ทำหน้าที่ในการอธิบายถึงประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัยนั้น โดยประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  • ประโยชน์ในเชิงวิชาการ หมายถึง ประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการวิชาการ โดยอาจเป็นการค้นพบความรู้ใหม่ สนับสนุนหรือคัดค้านทฤษฎีเดิม หรือนำไปสู่การพัฒนาทฤษฎีใหม่
  • ประโยชน์ในเชิงประยุกต์ หมายถึง ประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคปฏิบัติ โดยอาจนำไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาหรือพัฒนางานต่างๆ

ในการเขียนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัย ผู้วิจัยควรคำนึงถึงเทคนิคต่อไปนี้

  • ระบุประโยชน์ที่ชัดเจน ผู้วิจัยควรระบุประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัยให้ชัดเจนว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง
  • ระบุประโยชน์ที่เป็นไปได้ ผู้วิจัยควรระบุประโยชน์ที่เป็นไปได้จริง ไม่ใช่ประโยชน์ที่เกินความเป็นจริง
  • ระบุประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ผู้วิจัยควรระบุประโยชน์ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม

ตัวอย่างการเขียนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

ตัวอย่างที่ 1

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัยนี้ ได้แก่

  • ประโยชน์ในเชิงวิชาการ
    • เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อปัญหาการจราจรติดขัด
    • สนับสนุนหรือคัดค้านทฤษฎีเดิมเกี่ยวกับปัญหาการจราจรติดขัด
  • ประโยชน์ในเชิงประยุกต์
    • ใช้เป็นแนวทางในการวางแผนและกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด
    • ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ

ตัวอย่างที่ 2

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัยนี้ ได้แก่

  • ประโยชน์ในเชิงวิชาการ
    • เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลกระทบของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
    • สนับสนุนหรือคัดค้านทฤษฎีเดิมเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
  • ประโยชน์ในเชิงประยุกต์
    • ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • ใช้เป็นแนวทางในการปรับตัวของผู้ประกอบการและบุคลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเขียนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการวิจัยนั้น ผู้วิจัยควรระบุประโยชน์ที่ชัดเจน เป็นไปได้ และเป็นประโยชน์ต่อสังคม

5. นิยามศัพท์เฉพาะ

นิยามศัพท์เฉพาะ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของบทนำการวิจัย ทำหน้าที่ในการอธิบายความหมายของคำศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนั้นๆ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจความหมายของศัพท์เฉพาะเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง

ในการเขียนนิยามศัพท์เฉพาะ ผู้วิจัยควรคำนึงถึงเทคนิคต่อไปนี้

  • ระบุคำศัพท์เฉพาะ ผู้วิจัยควรระบุคำศัพท์เฉพาะที่จำเป็นต้องนิยามให้ชัดเจน
  • ให้ความหมายที่ชัดเจน ผู้วิจัยควรให้ความหมายของคำศัพท์เฉพาะนั้นๆ ให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย
  • อ้างอิงแหล่งข้อมูล ผู้วิจัยควรอ้างอิงแหล่งข้อมูลทุกครั้งที่มีการอ้างอิงความหมายของคำศัพท์เฉพาะนั้นๆ

ตัวอย่างการเขียนนิยามศัพท์เฉพาะ

ตัวอย่างที่ 1

  • ปริมาณยานพาหนะ: หมายถึง จำนวนยานพาหนะทั้งหมดที่วิ่งอยู่บนถนนในช่วงเวลาหนึ่ง
  • สภาพทางกายภาพของถนน: หมายถึง สภาพของถนนในด้านต่างๆ เช่น ความกว้างของถนน สภาพผิวของถนน สัญญาณจราจร เป็นต้น
  • พฤติกรรมการขับขี่: หมายถึง พฤติกรรมของคนขับยานพาหนะ เช่น การปฏิบัติตามกฎจราจร การขับขี่อย่างปลอดภัย เป็นต้น

ตัวอย่างที่ 2

  • เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI): หมายถึง ศาสตร์และเทคโนโลยีที่มุ่งพัฒนาให้เครื่องจักรหรือระบบคอมพิวเตอร์สามารถเรียนรู้และตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
  • ประสิทธิภาพในการทำงาน: หมายถึง ความสามารถของเครื่องจักรหรือระบบคอมพิวเตอร์ในการทำงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และประหยัดทรัพยากร
  • คุณภาพของบริการ: หมายถึง ความพึงพอใจของผู้ใช้หรือผู้รับบริการต่อสินค้าหรือบริการที่ได้รับ
  • ประสบการณ์ของลูกค้า: หมายถึง ความประทับใจของลูกค้าที่มีต่อสินค้าหรือบริการที่ได้รับ

จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า การเขียนนิยามศัพท์เฉพาะนั้น ผู้วิจัยควรระบุคำศัพท์เฉพาะที่จำเป็นต้องนิยามให้ชัดเจน และควรให้ความหมายของคำศัพท์เฉพาะนั้นๆ ให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย โดยอาจอ้างอิงแหล่งข้อมูลเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ

เทคนิคการเขียนบทนำการวิจัย

ในการเขียนบทนำการวิจัย ผู้วิจัยควรคำนึงถึงเทคนิคต่อไปนี้

  • เขียนให้กระชับและเข้าใจง่าย บทนำการวิจัยไม่ควรยาวเกินไป เพราะจะทำให้ผู้อ่านเกิดความเบื่อหน่าย ผู้วิจัยควรเขียนให้กระชับและเข้าใจง่าย โดยเน้นการอธิบายประเด็นสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
  • ใช้ภาษาที่ชัดเจนและตรงประเด็น ผู้วิจัยควรใช้ภาษาที่ชัดเจนและตรงประเด็น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาของบทนำการวิจัยได้อย่างถูกต้อง
  • อ้างอิงแหล่งข้อมูล ผู้วิจัยควรอ้างอิงแหล่งข้อมูลทุกครั้งที่มีการอ้างอิงข้อมูลหรือแนวคิดจากผู้อื่น เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อมูลหรือแนวคิดเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือ

บทนำการวิจัยที่ยกตัวอย่างข้างต้นเป็นตัวอย่างของบทนำการวิจัยที่ครอบคลุมถึงองค์ประกอบสำคัญทั้งหมดของบทนำการวิจัย โดยผู้วิจัยได้อธิบายถึงที่มาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ของการทำวิจัย ขอบเขตของการวิจัย ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ และนิยามศัพท์เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนั้นๆ ได้อย่างครบถ้วนและเข้าใจง่าย