คลังเก็บหมวดหมู่: วิทยานิพนธ์

สาระความรู้เกี่ยวกับการทำวิจัยในระดับปริญญาโท เพื่อการทำวิจัยที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_ One Way ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test_สร้างแบบสอบถามงานวิจัย_การสร้างแบบสอบถาม

เหตุผลอะไร ที่คนส่วนใหญ่จึงไม่เสียเวลานั่งวิเคราะห์ SPSS เอง

การวิเคราะห์สถิติ หรือการวิเคราะห์ SPSS เป็นศาสตร์อย่างหนึ่งที่ต้องอาศัยความเข้าใจในสถิติพื้นฐาน โดยผู้ที่ใช้โปรแกรม SPSS เป็น ต้องรู้จักและเข้าใจการวิเคราะห์สถิติเบื้องต้นเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย 

ค่าส่วนเบี่ยงมาฐาน ค่าต่ำสุด และค่าสูงสุด เพราะว่าค่าสถิติพื้นฐานจะเป็นการวิเคราะห์เริ่มต้น ที่นำไปสู่การทดสอบสมมติฐาน ตามที่วัตถุประสงค์การวิจัยได้ตั้งไว้

แต่สถิติ ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะเข้าใจ ซึ่งแน่นอนที่คุณจะต้องเจอกับตัวเลข เป็นจำนวนมาก หากบางคนไม่มีพื้นฐานทางด้านสถิติ จะทำให้เกิดการเบื่อหน่าย ปวดหัว และมึนงง เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถดูแล้วเข้าใจได้โดยทันที  ดังที่มาร์ยัม เมอร์ซาคานี กล่าวไว้ว่า คณิตศาสตร์ไม่ใช่เรื่องสำหรับทุกคน

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากจะเสียเวลาเข้าใจโปรแกรม SPSS  บทความนี้จึงจะนำพาคุณมาวิเคราะห์ถึง 3 เหตุผลที่คนส่วนใหญ่ไม่เสียเวลานั่งวิเคราะห์ SPSS เอง เพื่อประมวลผลการวิจัยเองดังนี้

1. ไม่อยากทำความเข้าใจเกี่ยวเรื่องสถิติ

การวิเคราะห์สถิติ หรือการวิเคราะห์ SPSS สำหรับงานวิจัย สามารถแยกย่อยออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ได้แก่ 

ประเภทที่ 1 สถิติเชิงพรรณา คือ ค่าสถิติพื้นฐานที่ใช้กับข้อมูลง่ายๆ มีวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงมาฐาน ค่าต่ำสุด ค่าสูงสุด ค่ามัธยฐาน ค่าฐานนิยม เป็นต้น

ประเภทที่ 2 สถิติเชิงอนุมาน คือ สถิติที่ใช้ทดสอบสมมติฐาน โดยต้องใช้พื้นฐานของสถิติเชิงพรรณามาช่วยในการค้นหาคำตอบข้อเท็จจริงตามสมมติฐานที่ตั้งไว้ ได้แก่ การวิเคราะห์ความแปรปรวน (One Way ANOVA) การวิเคราะห์ไคสแควร์ (Chi-Square) การวิเคราะห์สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation) และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Regression)

แค่ทั้ง 2 ประเภทใหญ่ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ก็ยากต่อการเข้าใจแล้ว แต่ที่ยากไปกว่านั้นคือการเลือกใช้สถิติแต่ละตัว ซึ่งผู้วิจัยต้องดูประเภทข้อมูลของตัวแปรแต่ละตัวด้วยว่า ตัวแปรไหนสามารถนำมาทดสอบสมมติฐานได้บ้าง ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อต่อไป

2. เลือกสถิติที่นำมาวิเคราะห์ไม่ตรงกับประเภทข้อมูล

คงเป็นเรื่องยาก ที่คุณต้องมานั่งศึกษาใหม่ว่าข้อมูลประเภทไหน สามารถนำไปทดสอบประเภทไหนได้บ้าง ถ้าเปรียบก็คงเหมือนการไปเริ่มเรียน ก-ฮ ใหม่ เพราะว่านอกจากภาระหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบแล้ว เรื่องที่ทำให้ปวดหัวอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การวิเคราะห์สถิติ 

เพราะ การวิเคราะห์สถิติ นั้นในข้อมูลแต่ละประเภทจะมีวิธีการคัดเลือกที่แตกต่างกันออกไป หากเลือกประเภทข้อมูลในการนำมาวิเคราะห์สถิติผิด โปรแกรมก็จะไม่แสดงผล หรือแสดงผล Error ออกมา ทำให้ผู้วิจัยไม่รู้จะสอบถามใคร ไปต่อไม่ได้

หากผู้วิจัยคนไหนต้องการจะวิเคราะห์ SPSS แปลผลข้อมูลเอง อันดับแรกควรจะทำการศึกษาประเภทของข้อมูลก่อนว่า ข้อมูลแต่ละประเภทเป็นอย่างไร และข้อมูลประเภทไหนใช้กับสถิติอะไรได้บ้าง 

3. ไม่เข้าใจการทดสอบสมมติฐาน

จากการที่ไม่เข้าใจการเลือกสถิติที่นำมาวิเคราะห์กับประเภทข้อมูลแต่ละประเภท ทำให้ผลโปรแกรมวิเคราะห์ SPSS ออกมา  Error คนส่วนใหญ่จึงไม่รู้จะทำอะไรต่อ และไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ส่งผลให้ทดสอบสมมติฐานไม่ได้ด้วยเช่นกัน 

ยกตัวอย่าง สถานการณ์ที่เจอปัญหา ดังเช่น ข้อคำตอบไหนที่มีกลุ่มตัวอย่างตอบเพียงคนเดียว ผลการทดสอบสมมติฐาน One Way ANOVA จะออกมา Error ดูจากรูปจะพบว่า มีกลุ่มตัวอย่างช่วงอายุ 50 ปีขั้นไป เพียงแค่ 1 ท่าน ที่มีการตัดสินใจเล่นกีฬา เมื่อนำมาวิเคราะห์ One Way ANOVA ผลตารางของ Post hoc จะไม่ออก 

ดังนั้นถ้าผลออกมาว่าอายุเป็นตัวแปรที่ส่งผลทำให้กลุ่มตัวอย่างตัดสินใจเล่นกีฬา จะไม่สามารถตอบได้ว่ากลุ่มอายุไหนบ้างที่ตัดสินใจเล่นกีฬา แล้วกลุ่มตัวอย่างช่วงอายุไหนเล่นกีฬาอะไรบ้าง 

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_ One Way ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test_สร้างแบบสอบถามงานวิจัย_การสร้างแบบสอบถาม

จาก 3 เหตุผลดังกล่าวก็ทำให้หลายท่านตอบคำถามตัวเองได้แล้วว่า เราควรเสียเวลานั่งวิเคราะห์ SPSS เอง หรือไม่ หากเจอปัญหา ผลโปรแกรม Error จะแก้ไขปัญหาเองได้หรือไม่ เมื่อได้คำตอบนั้นแล้วลองปรึกษาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านสถิติ เพื่อขอคำแนะนำและทำให้การทำงานวิจัยของคุณให้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_ One Way ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test_สร้างแบบสอบถามงานวิจัย_การสร้างแบบสอบถาม

การสร้างแบบสอบถามงานวิจัย ไม่ยากอย่างที่คิด!

แบบสอบถามงานวิจัย เป็นเครื่องมือการวิจัยอย่างหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยชุดคำถาม ที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริง ความคิดเห็น ความรู้สึก ความเชื่อ และความสนใจต่างๆ ที่เตรียมไว้สำหรับให้ผู้ตอบแบบสอบถามได้เลือกตอบหรือเติมคำ เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัย 

ซึ่งการสร้างแบบสอบถามงานวิจัยนั้น ข้อคำถามจะถูกสร้างขึ้นจากกรอบแนวความคิดทฤษฎีของตัวแปรที่ต้องการศึกษา หรือต้องการวัด ซึ่งข้อคำถามที่ใช้ถาม ต้องมีเหมาะสมกับประเด็นที่จะวัด โดยจะมีหลักการในการสร้างเพื่อตามขั้นตอนดังนี้

1. พิจารณาหัวข้อปัญหาและวัตถุประสงค์

ในปัจจุบันพบว่า มีหลายงานวิจัยที่ไม่สามารถเลือกใช้แบบสอบถามได้อย่างเหมาะสมกับงานวิจัยของตนเองได้ เนื่องจากตั้งคำถามไม่ตรงกับลักษณะ หรือพฤติกรรม ของผู้ตอบแบบสอบถามจึงทำให้ ผลการวิจัยที่ออกมาไม่ตอบกับวัตถุประสงค์การวิจัยที่ตั้งไว้ ดังนั้นการทราบปัญหาการวิจัย และการกำหนดวัตถุประสงค์การวิจัยที่ชัดเจน ถือเป็นเข็มทิศในการเดินทาง ที่จะทำให้ทราบจุดมุ่งหมายในการสร้างแบบสอบถามงานวิจัยเลยทีเดียว 

ก่อนอื่นคุณต้องทราบปัญหาของงานวิจัยก่อน ว่างานวิจัยที่ทำอยู่นั้นมีปัญหาอะไร? 

ตัวอย่างเช่น บริษัทหนึ่งพนักงานไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน พนักงานจึงมีการขาด ลา และมาสาย อยู่เป็นประจำ ทำให้งานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จากปัญหาดังกล่าวอาจเป็นเพราะปัจจัยต่างๆ เช่น พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับค่าจ้างที่ไม่คุ้มค่ากับงานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อนร่วมงานไม่ดี หรือไม่มีความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ทำให้ผู้วิจัยสนใจที่จะศึกษาแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานบริษัทแห่งนี้ 

จึงตั้งวัตถุประสงค์เพื่อที่จะศึกษาสาเหตุการขาด ลา และมาสายของพนักงาน และศึกษาปัจจัยที่เป็นแรงจูงใจในการทำงานของพนักงานบริษัทดังกล่าว 

ดังนั้นสิ่งที่ผู้วิจัยจะต้องศึกษาเพื่อที่จะสร้างแบบสอบถามงานวิจัย โดยจะต้องศึกษา แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งจากปัญหาดังกล่าวสามารถนำทฤษฎีแรงจูงใจ ERG ของ Clayton Alderfer ที่ได้พัฒนามาจากทฤษฎีความต้องการ Maslow มาปรับใช้ได้ ซึ่งจะกล่าวถึงวิธีพิจารณารูปแบบการตั้งคำถามในขั้นตอนต่อไป

2. พิจารณารูปแบบของแบบสอบถามที่ใช้

ในการพิจารณารูปแบบของแบบสอบถามที่ใช้ คุณสามารถหยิบยกข้อคำถามจากการศึกษาแนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้ได้ เช่น ทฤษฎีแรงจูงใจ ERG ของ Alderfer สรุปว่า ความต้องการของมนุษย์สามารถแบ่ง ออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่

E ตัวแรกคือ ความต้องการเพื่อการดำรงชีวิต (Existence needs = E) เป็นความต้องการจาก ค่าจ้างเงินโบนัส และผลประโยชน์ตอบแทน ตลอดจนสภาพการทำงานที่ดี ดังนั้นข้อคำถามที่ควรตั้ง อาจจะเป็นการสอบถาม ความพอใจที่ได้รับค่าจ้างหรือโบนัสสิ้นปี หรือสภาพการทำงานที่ได้รับว่าเหมาะกับค่าจ้างหรือไม่ เป็นต้น

R ตัวที่สองคือ ความต้องการทางด้านความสัมพันธ์ (Relatedness needs = R) เป็นความต้องการทางสังคมที่ต้องการการยอมรับจากหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ซึ่งข้อคำถามที่ควรตั้งเช่น ท่านสามารถทำงานกับเพื่อนร่วมได้เป็นอย่างดีหรือไม่ หรือท่านได้รับการยกย่องจากหัวหน้าเมื่อทำงานได้สำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ เป็นต้น

G ตัวที่สามคือความต้องการความเจริญก้าวหน้า (Growth needs = G) เป็นความต้องการเติบโตจากหน้าที่การงาน ข้อคำถามที่ควรตั้ง เช่น ท่านได้รับพิจารณาการเลื่อนตำแหน่งอยู่เสมอ เป็นต้น

ซึ่งทฤษฎีดังกล่าว ผู้วิจัยสามารถนำทฤษฎีมาปรับใช้เป็นแนวทางในการตั้งข้อคำถาม เพื่อตอบวัตถุประสงค์และแก้ไขปัญหาวิจัยได้ ซึ่งข้อคำถามที่ตั้งนั้น ควรสอบถามเพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามแสดงระดับความคิดเห็น หรือเรียกว่าข้อคำถามแบบมาตรวัด scale ซึ่ง

5 หมายถึง ให้คะแนนความคิดเห็นมากที่สุด 
4 หมายถึง ให้คะแนนความคิดเห็นมาก
3 หมายถึง ให้คะแนนความคิดเห็นปานกลาง
2 หมายถึง ให้คะแนนความคิดเห็นน้อย
1 หมายถึง ให้คะแนนความคิดเห็นน้อยที่สุด 

3. ร่างแบบสอบถาม

เมื่อได้ข้อคำถามที่สอบถามแล้ว ผู้วิจัยต้องทำการรวบรวมคำถามโดยแบ่ง เป็นด้านตามแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่ศึกษา ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้วิจัยอาจจะร่างข้อคำถามในกระดาษ หรือสร้างข้อคำถามในโปรแกรม Word เลยก็ได้เช่นกัน

4. ตรวจสอบแบบสอบถาม

เมื่อร่างข้อคำถามเรียบร้อยแล้ว ผู้วิจัยควรตรวจทานข้อคำถามก่อนว่าอ่านรู้เรื่องหรือไม่ มีคำผิดหรือไม่ แล้วข้อคำถามสอดคล้องกับสถานการณ์จริงหรือไม่ หากตรวจทานดูแล้วควรส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความคล้องอย่างน้อย 3 ท่าน เพื่อนำข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุงข้อคำถามต่อไป 

ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า วิธีการทำ IOC ในการทดสอบนี้หากคะแนนของผู้เชี่ยวชาญที่ให้คะแนนแต่ละข้อคำถามรวมกัน หารจำนวนผู้เชี่ยวชาญ แล้วได้ค่าคะแนนแต่ละข้อมากกว่า 0.5 จึงถือว่าผ่าน สามารถนำไปทดสอบแบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับกลุ่มที่ศึกษาได้

5. ทำการทดลองแบบสอบถาม (Try-out)

เมื่อตรวจสอบแบบสอบถามเสร็จแล้ว การทำการทดลองแบบสอบถามถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้วิจัย จะต้องทำอีกกระบวนการหนึ่ง เพื่อให้ทราบถึงความชัดเจนในทุกๆ ด้านของข้อคำถาม หากข้อคำถามมีความชัดเจน ผู้ตอบแบบสอบถามที่อ่านจะเข้าใจตรงกัน เนื่องจากแบบสอบถามมีการใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย รัดกุม ไม่มีความบกพร่องทางภาษา ทำให้การตรวจให้คะแนนมีเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน 

ซึ่งวิธีการดังกล่าวเรียกว่า วิธีการ Try-out เป็นการทดสอบความเชื่อมั่นของแบบสอบถาม (Reliability) ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ กลุ่มตัวอย่างที่ใกล้เคียงกับกลุ่มที่ศึกษาประมาณ 30 คน ในการทดสอบครั้งนี้ 

หากคำตอบของกลุ่มตัวอย่างทุกคนมีการแปลความหมายมาแล้วว่ามีความสอดคล้องกัน จะต้องมีค่าคะแนนของค่า Reliability มากกว่า 0.7 ขึ้นไป จะทำให้การ Try-out ในครั้งนี้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะสามารถนำแบบสอบถามนี้ไปสร้างเป็นแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ได้ 

หากค่าคะแนนของค่า Reliability น้อยกว่า 0.7 อาจเป็นเพราะข้อคำถามไม่ชัดเจนหรือยากเกินที่ผู้ตอบแบบสอบถามจะเข้าใจ ควรต้องมีการแก้ไขแล้วปรับปรุงในส่วนที่ยังมีข้อบกพร่องต่อไป

6. ปรับปรุงแบบสอบถาม

เมื่อทราบค่าคะแนนของค่า Reliability ว่าน้อยกว่า 0.7 ผู้วิจัยควรดูข้อเสนอแนะที่ผู้ตอบแบบสอบถามได้เสนอไว้ และนำมาปรับปรุง ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่า Reliability น้อยกว่าเกณฑ์อาจเป็นเพราะข้อคำถามไม่ชัดเจน ยากเกินที่ผู้ตอบแบบสอบถามจะเข้าใจ หรือไม่ตรงกับพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถามก็เป็นได้ ดังนั้นผู้วิจัยจึงควรแก้ไข ปรับปรุงข้อคำถามใหม่ และนำไป Try-out อีกครั้ง 

7. สร้างแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์

เมื่อแบบสอบถามผ่านเกณฑ์ ผู้วิจัยสามารถสร้างแบบสอบถามฉบับสมบูรณ์ และนำไปสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างได้ทันที

การสร้างแบบสอบถามงานวิจัยข้อคำถามจะดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่ว่าคุณตั้งคำถามได้ตรงจุดหรือไม่ หากคุณตั้งคำถามที่ยากเกินไป หรือไม่ตรงกับพฤติกรรมของผู้ตอบ จะทำให้ผู้ตอบไม่อยากตอบ เพราะไม่เข้าใจ ในขณะเดียวกันหากข้อคำถามมีปริมาณข้อคำถามที่เยอะเกินไป จนทำให้สร้างความกังวลใจกับผู้ตอบ จะส่งผลให้ไม่ตั้งใจตอบ ซึ่งเป็นผลเสียกับคุณเอง ทำให้ไม่ได้คำตอบที่แท้จริงในการแก้ไขปัญหานั้นๆ 

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test

งานวิจัยที่ใช้สถิติ T-test คืออะไร ทำอย่างไรบ้าง

สถิติ T-test เป็นสถิตที่ใช้เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระจากกัน และสัมพันธ์กัน ซึ่ง สถิติ T-test ที่ใช้ในงานวิจัยมี 3 แบบ แต่ละแบบใช้งานแตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. One sample T-test 

ใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่น้อยกว่า 30 คน ส่วนใหญ่ใช้ในงานวิจัย สายวิทยาศาสตร์ 

ตัวอย่างเช่น ต้องการทราบสารประกอบที่อยู่ในทองคำน้ำหนัก 1 บาท จากการวัดทั้ง 10 ครั้ง พบว่า ผู้วิจัยสามารถวัดได้ดังนี้

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test

จากตามทฤษฎีสารประกอบที่อยู่ในทองคำ เมื่อรวมกันแล้วทองคำ 1 บาท ต้องมีน้ำหนัก 15.2 กรัม ดังนั้น สถิติ One sample T- test จะสามารถตัดสินใจได้ว่าน้ำหนักของสารประกอบที่อยู่ในทองจะแตกต่างไปจาก 15.2 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติหรือไม่ เป็นต้น

ดังนั้นสูตรของ One sample T- test จึงสามารถเขียนได้ดังนี้

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test

2. T-test Independent

ใช้กับงานวิจัยเชิงปริมาณที่มีกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ใช้ในการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระจากกัน 

ตัวอย่างเช่น กลุ่มผู้บริโภคที่มีเพศ ต่างกัน มีผลต่อการตัดสินใจซื้ออาหารสุขภาพต่างกัน ซึ่ง

เพศชาย จะแทนค่าด้วย 1

เพศหญิง จะแทนค่าด้วย 2

หากทั้ง 2 เพศที่เป็นอิสระต่อกันจะมีตัดสินใจซื้ออาหารสุขภาพที่ต่างกันหรือไม่นั้น จะทราบได้ก็ต่อเมื่อผลค่า Sig. ที่วิเคราะห์ออกมาต่ำกว่า 0.05 ถือว่า มีการซื้ออาหารสุขภาพที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และจะสามารถรู้ได้อีกว่าเพศไหนมีการตัดสินใจซื้ออาหารสุขภาพมากกว่ากัน

ดังนั้น สูตรของ T-test Independent จึงสามารถเขียนได้ดังนี้

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test

3. Paired Sample T-test

ใช้กับงานวิจัยเชิงทดลอง ส่วนใหญ่ใช้ในงานวิจัยของครู ที่ต้องทำการทดลองผลคะแนนของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างทั้งก่อนเรียน และหลังเรียน ว่ามีผลคะแนนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ เมื่อได้เรียนตามแผนการเรียนที่ครูพัฒนาขึ้น 

ตัวอย่างเช่น ผลคะแนนที่นักเรียนได้ทั้งก่อนและหลังการเรียน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน นักเรียนสอบได้คะแนนดังนี้

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test

จากผลคะแนนถ้าหลังเรียน นักเรียนมีการสอบแล้วได้คะแนนดีขึ้นแสดงว่า แผนการเรียนการสอนที่ครูพัฒนาขึ้นมา ทำได้นักเรียนได้รับความรู้ สนุก จนทำให้ตั้งใจเรียนมากขึ้น ส่งผลให้ผลการเรียนดีขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตินั่น

ดังนั้น สูตรของ Paired Sample T-test จึงสามารถเขียนได้ดังนี้

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม_สถิติ t – test

จะเห็นได้ว่าสถิติ T-test มีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งผู้วิจัยควรจะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานวิจัยของคุณถึงจะได้คำตอบที่ถูกต้อง และนำผลวิจัยไปต่อยอดในงานอื่นต่อไป

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม

รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท

นอกเหนือจากการรับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ หรือรับทำดุษฎีนิพนธ์ แบบครอบวงจร ทางบริษัทฯ เรายังมีบริการรับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม ไว้รองรับและอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้วิจัยอีกทางหนึ่ง

เพราะแบบสอบถามเป็นหนึ่งในเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative data) ซึ่งการจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ผลการศึกษาได้นั้น ต้องแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบของตัวเลขเสียก่อน ถึงจะนำมาวิเคราะห์ผลได้  ซึ่งข้อมูลตัวเลขนั้นอาจจะเป็นค่าที่ต่อเนื่อง ค่าจำนวนเต็ม หรือเป็นค่าจำนวนนับก็ได้ แล้วแต่การออกแบบแบบสอบถามของผู้วิจัย 

เช่น จุดทศนิยม น้ำหนัก ส่วนสูง เพศ อายุ สถานภาพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน หรือแม้กระทั่งการแสดงความคิดเห็นในระดับต่างๆ ที่ผู้วิจัยมักเห็นอยู่เป็นประจำ ได้แก่ ระดับความคิดเห็นมากที่สุด ระดับความคิดเห็นมาก ระดับความคิดเห็นปานกลาง ระดับความคิดเห็นน้อย ระดับความคิดเห็นน้อยที่สุด หรือบางงานวิจัยอาจจะมากกว่า 5 ระดับความคิดเห็น

และ หนึ่งในบริการของบริษัทฯ คือการรับคีย์ข้อมูลแบบสอบถามดังกล่าว ซึ่งหากผู้วิจัยไม่มีความชำนาญ หรือมีภาระงานที่ต้องรับผิดรับชอบอาจจะทำให้คีย์ข้อมูลได้ช้า และผิดพลาดได้ 

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม

ทางบริษัทฯ จึงมีบริการส่วนนี้ไว้คอยรองรับและดูแลท่านในส่วนนี้ เนื่องจากเรามีความเชี่ยวชาญและความชำนาญ ถือว่าเป็นบริการเสริมเพื่อทำให้งานวิจัยของท่านเสร็จได้อย่างรวดเร็วที่สุด ทันตามกำหนดเวลาที่จะส่งงานขึ้นสอน 

โดยผู้วิจัยที่สนใจในการใช้บริการรับคีย์ข้อมูลแบบสอบถามกับทางบริษัทฯ สามารถใช้บริการกับเราได้โดยติดต่อเข้ามาทางไลน์ที่ขึ้นด้านบน เมื่อตกลงรับงานท่านสามารถส่งแบบสอบถามมาให้เราทาง EMS เรามีทีมงานไว้คอยคีย์ข้อมูลตรงส่วนนี้ให้กับท่าน 

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ spss_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม หน้าละ 1.50 บาท_รับคีย์ข้อมูลแบบสอบถาม

ดังนั้นสิ่งที่ท่านจะได้จากการนำแบบสอบถามมาคีย์ข้อมูลกับบริษัทฯ ทางทีมงานจะสำรองข้อมูลของท่านใส่ลงใน Excel เพื่อส่งให้กับท่านทางอีเมล ในการนำส่งอาจารย์ 

หรือหากท่านจะทำบท 4-5 ต่อเพื่อวิเคราะห์ผล สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอในงานวิจัย บริษัทฯ มีบริการส่วนนี้เพิ่มเติม บริษัทฯ สามารถนำข้อมูลส่วนนี้ไปวิเคราะห์ต่อได้เลยตามที่ท่านต้องการโดยไม่เสียเวลา และท่านจะได้รับงานเสร็จเร็ว ตรงเวลา แน่นอน

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย_หัวข้อวิจัย การท่องเที่ยว_วิจัยหัวข้อ

วิจัยหัวข้อเกี่ยวกับ การท่องเที่ยว ต้องเริ่มยังไง?

“จะทําวิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอะไรดี…???”

ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเรา มีจุดเด่นเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมายเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเราเพิ่มขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวภายในประเทศไทยเอง ที่ต่างพากันออกท่องเที่ยวในวันหยุดพักผ่อนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เพราะไม่ใช่เพียงแค่สถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดิเท่านั้น แต่ยังมีวิถี รูปแบบสไตล์ที่หลากหลาย กิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ หรือพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่มีความแตกต่างกันในแต่ละเชื้อชาติ

ดังนั้น หากคุณกำลังสนใจจะทำวิจัยหัวข้อที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว คุณควรทำการกำหนดหัวข้อจาก “รูปแบบพฤติกรรมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว” 

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย_หัวข้อวิจัย การท่องเที่ยว_วิจัยหัวข้อ

เริ่มจาก “รูปแบบพฤติกรรมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว”  เพราะเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

เนื่องจากว่า พฤติกรรมของนักท่องเที่ยว หรือ พฤติกรรมของผู้บริโภค ถือเป็นสิ่งสำคัญในการศึกษาสำหรับวิจัยหัวข้อที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวมากที่สุด

เพราะ รูปแบบพฤติกรรมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวมีความแตกต่างกันในแต่ละสัญชาติ ซึ่งจะมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจแตกต่างกัน

โดย ผู้เรียนหรือผู้วิจัยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับ “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว” 

ฉะนั้น สิ่งที่ต้องโฟกัสจริงๆ ก็คือ “การศึกษาพฤติกรรมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว” ที่มีประเด็นหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว

อาทิเช่น “ปัจจัยส่วนผสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกท่องเที่ยว ของนักท่องเที่ยวสัญชาติอเมริกา หรือสัญชาติญี่ปุ่น”

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย_หัวข้อวิจัย การท่องเที่ยว_วิจัยหัวข้อ

โดยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่นั้น จะเลือกท่องเที่ยวโดยจับกลุ่มอยู่ในสถานที่ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นนิยมไปท่องเที่ยว เน้นในการที่จะไปเที่ยวตามรอยจากการบอกเล่าปากต่อปากของชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง เป็นต้น

ซึ่ง มีความที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวสัญชาติอเมริกาอย่างชัดเจน เพราะนักท่องเที่ยวชาวอเมริกาจะเน้นการท่องเที่ยวแบบการผจญภัยมีกิจกรรมให้ทำไม่ใช่การท่องเที่ยวแบบเกาะกลุ่มที่เหมือนกับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น

ฉะนั้น ในการที่จะตั้งวิจัยหัวข้อให้ถูกต้อง จึงจําเป็นที่จะต้องศึกษาถึง “พฤติกรรมเบื้องต้นในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวของแต่ละสัญชาติ” นั้น 

– มีความต้องการในการตัดสินใจอย่างไร?
– มีปัจจัยใดบ้างที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจ?

โดยทำการศึกษาจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จะทำให้ผู้วิจัยมือใหม่สามารถที่จะตั้งวิจัยหัวข้อในการที่จะศึกษาทำการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวได้

“เทคโนโลยี สื่อสังคมออนไลน์ หรือ แพลตฟอร์ม”

และ ทำการศึกษาสถานการณ์ปัจจุบันที่เกี่ยวกับ เทคโนโลยี สื่อสังคมออนไลน์ หรือ แพลตฟอร์ม ที่ใช้ในทำการตลาดสำหรับการท่องเที่ยวต่างๆ ที่จะสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดในการตั้งเป็นวิจัยหัวข้อได้เป็นอย่างดี

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย_หัวข้อวิจัย การท่องเที่ยว_วิจัยหัวข้อ

เนื่องจาก ในปัจจุบันมีแพลตฟอร์ม หรือเทคโนโลยี ที่ส่งผลและมีอิทธิพลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จะทำให้สามารถกำหนดทิศทางของการวิจัยได้เป็นอย่างดี

และที่สำคัญ ควรปรึกษาขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาผู้วิจัย เพราะจะทำให้เห็นแนวทางการศึกษาที่แตกต่าง ในการที่จะพัฒนาหัวข้องานวิจัยดูน่าสนใจ มีความเหมาะสมกับกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา และมีความทันสมัยเป็นปัจจุบันมากยิ่งขึ้น

ดังนั้น “วิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการท่องเที่ยว” ก็ควรเริ่มจากประเด็นการศึกษาพติกรรมการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงเทคโนโลยี สื่อสังคมออนไลน์ และแพลตฟอร์มที่ใช้ และมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยว ซึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่สําคัญที่ผู้วิจัยสามารถนํามาตั้งเป็นวิจัยหัวข้อเกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย

4 เทคนิค สำหรับการทำงานวิจัย ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ

ในหลายครั้งที่ผู้วิจัยมือใหม่รู้สึกท้อแท้หมดกําลังใจ เพราะว่าเพียงเริ่มต้นก็มีอุปสรรค ไม่เข้าใจในเนื้อหาที่ต้องทำงานวิจัยในแต่ละบท ไม่เข้าใจในเนื้อหาที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำ หรือไม่รู้ว่าควรจะเริ่มต้นดำเนินการทําวิจัยอย่างไร 

ซึ่งจากนี้จะเป็นเทคนิคที่นิยมใช้สำหรับทำงานวิจัยให้สำเร็จได้โดยง่าย ที่ใครๆ ก็สามารถทำได้

1. ต้องดูว่าอยากแก้ไขปัญหาอะไร

ก่อนที่ท่านจะทำการศึกษาวิจัยเรื่องอะไรนั้น ท่านต้องเข้าใจคอนเซ็ปของงานวิจัยของท่านก่อนว่า ต้องการจะแก้ไขปัญหาเรื่องอะไร ตัวอย่างที่ได้รับความนิยมคือพฤติกรรมของผู้บริโภค หรือพฤติกรรมของมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแนวคิดทฤษฎีที่เกี่ยวข้องรองรับอย่างเพียงพออยู่แล้ว

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย

“ปัญหาส่วนใหญ่ในสังคมหรือในเศรษฐกิจ ทุกอย่างนั้นเกิดจากมนุษย์ทำให้เกิดขึ้น” 

ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาหรือทำความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคหรือพฤติกรรมของมนุษย์ หากท่านสามารถเข้าใจปัญหาที่แท้จริงแล้ว จะทำให้ท่านทราบว่าปัญหาที่ท่านจำเป็นต้องแก้ไขนั้นจะต้องโฟกัสไปที่ใด และควรจะใช้เครื่องมือ วิธีการ เนื้อหา แนวคิด ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องอะไรบ้างเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาดังกล่าว

2. ใครมีปัญหานี้บ้าง

หลังจากที่ท่านทราบว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไร อย่างไรแล้ว ควรจะโฟกัสต่อว่าในปัจจุบันปัญหานี้เกิดขึ้นกับใครบ้าง โดยเฉพาะองค์กร หรือมนุษย์ หรือกลุ่มคณะบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้ ซึ่งจะทำให้ท่านทราบว่ากลุ่มตัวอย่างที่ท่านจำเป็นจะต้องเข้าไปทำการศึกษา หรือกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นคือใครบ้าง เพื่อที่จะนำมากำหนดเป็นขอบเขตสำหรับทำการศึกษาวิจัยต่อไป

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย

การที่รู้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่อฝ่ายไหน อย่างไรบ้าง จะทำให้ท่านทราบว่าควรจะกำหนดงานวิจัยของท่านนั้นเป็นเชิงปริมาณหรือเชิงคุณภาพ

งานวิจัยเชิงปริมาณนิยมสำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับผลกระทบเพียงกลุ่มเดียว เช่น กลุ่มผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากคุณภาพการของสินค้าหรือการให้บริการ แต่หากว่าปัญหาดังกล่าวส่งผลเสียหรือส่งผลกระทบต่อบุคคล คณะบุคคล หรือกลุ่มองค์กรหลายกลุ่ม จำเป็นที่จะต้องใช้ในการศึกษาวิจัยเชิงคุณภาพเข้ามาประยุกต์ใช้ในการวิจัย

3. ต้องทำอย่างไร

เมื่อรู้ว่าปัญหาคืออะไร กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบนั้นคือใคร จะทำให้ท่านทราบว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะต้องกำหนดแนวทางในการแก้ไขอย่างไร เพื่อนำเสนอได้ตอบโจทย์กับปัญหา และตอบสนองกับความต้องการของทุกฝ่ายได้

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย

โดยเฉพาะการวิจัยเชิงปริมาณที่เป็นการสัมภาษณ์จากกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่จะให้ข้อเสนอแนะในการที่จะแก้ไขปัญหาของการวิจัยดังกล่าวจากมุมมองของตนเอง ซึ่งจะทำให้ท่านนำหลากหลายมุมมองที่ได้รับมาบูรณาการเพื่อเสนอเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างไรบ้าง จะทำให้ท่านนำเสนอผลของการวิจัยได้ตอบสนองกับแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น

 4. ใครได้รับประโยชน์

หลังจากที่ท่านรู้ว่าปัญหาคืออะไร ส่งผลกระทบต่อใครบ้าง และควรใช้วิธีการอย่างไร ท่านจะทราบว่าหลังจากที่ปัญหาได้รับการแก้ไขแล้วใครจะได้รับประโยชน์บ้าง ซึ่งสิ่งที่สามารถนำไปพัฒนาต่อยอดจากวิธีการแก้ไขปัญหาจากผลลัพธ์ของการวิจัยครั้งนี้ จะถือเป็นสิ่งที่ต่อยอดให้กับวงการวิชาการเป็นอย่างมาก

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย_ทำงานวิจัย

เนื่องจากการพัฒนาต่อยอดหรือบูรณาการจากเทคนิคผลการวิจัยที่ท่านทำการศึกษาวิจัยไปเรียบร้อยแล้วนั้นจะสามารถต่อยอดพัฒนาแก้ไขในองค์กรอื่นๆ หรือพื้นที่อื่นๆ ได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับปัญหาที่ใกล้เคียงหรือสอดคล้องกับปัญหาที่ท่านทำการศึกษาวิจัย

ดังนั้นหากท่านสามารถรู้ว่าปัญหาของการทำวิจัยของท่านนั้นคืออะไร มีวิธีการแก้ไขอย่างไร มีผลกระทบต่อใคร และใครจะได้รับประโยชน์บ้าง จะทำให้ท่านรู้ว่าควรจะกำหนดรูปแบบของการวิจัยอย่างไร เพื่อให้เหมาะสมกับการศึกษาทำงานวิจัยของท่าน และสามารถทำให้งานวิจัยนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้โดยดี

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

กำหนดกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์เริ่มต้นอย่างไรดี

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์หรืองานวิจัย มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการมองภาพรวมของวิทยานิพนธ์ชิ้นนั้นๆ เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในงานวิทยานิพนธ์ที่เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพและงานวิจัยเชิงปริมาณนั้น จะมีกรอบแนวคิดของวิทยานิพนธ์ที่แตกต่างกัน

ซึ่งรายละเอียดในการเริ่มต้นควรจะเป็นรูปแบบไหน อย่างไร นั้นสามารถศึกษาได้จากหัวข้อดังต่อไปนี้

1. ทำความรู้จักของประเภทงานวิจัย

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

ท่านต้องทำความรู้จักประเภทของงานวิทยานิพนธ์ที่ตนเองศึกษาวิจัยอยู่ ซึ่งงานวิทยานิพนธ์แต่ละเล่มนั้นจะมีการกำหนดกรอบแนวคิดในการศึกษาวิจัยที่แตกต่างกัน 

โดยงานวิทยานิพนธ์ที่เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณจะมีความสำคัญมากในการที่จะทำความเข้าใจตัวแปรต้นและตัวแปรตามที่ใช้ในการศึกษาวิจัย เนื่องจากส่วนใหญ่จะนิยมใช้ตัวแปรต้นที่ส่งผลต่อตัวแปรตาม และกำหนดวัตถุประสงค์หรือสมมติฐานการวิจัยที่สอดคล้องกับกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์

แต่สำหรับวิทยานิพนธ์ที่เป็นงานวิจัยเชิงคุณภาพ จะมีรูปแบบของการกำหนดที่เป็นลำดับขั้นตอนหรือลำดับจากบนลงล่าง มีความแตกต่างจากกรอบแนวคิดการวิจัยที่เป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ดังนั้นการทำการศึกษาเกี่ยวกับประเภทของงานวิทยานิพนธ์จึงถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเริ่มต้นของการกำหนดกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์

2. รู้จักตัวแปรต้นและตัวแปรตามหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้อง

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

หลังจากที่ทำความเข้าใจกับประเภทของงานวิทยานิพนธ์ที่ทำการศึกษาแล้ว จะทำให้ทราบว่ากรอบแนวคิดของงานวิทยานิพนธ์ที่จะกำหนดนั้นว่าควรจะเป็นรูปแบบใด

ถ้าเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณก็จะเป็นรูปแบบของตัวแปรต้นที่ส่งผลต่อตัวแปรตามซึ่งเป็นที่นิยม หรืออาจจะเป็นรูปแบบของการอ้างอิงแนวคิดหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้เป็นกรอบแนวคิด ซึ่งจะเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือให้กับกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์ของท่านได้

แต่ทว่าสำหรับงานวิจัยเชิงคุณภาพ มีรูปแบบการกำหนดกรอบแนวคิดให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ โดยกำหนดวัตถุประสงค์ให้เชื่อมโยงเป็นลำดับขั้นตามที่จั้งไว้ในกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์ และให้สะท้อนถึงวัตถุประสงค์รวมถึงผลลัพธ์ของงานวิทยานิพนธ์ของท่าน

3. ศึกษางานวิทยานิพนธ์ที่เกี่ยวข้องเล่มอื่นๆ

กรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์_งานวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

หากผู้วิจัยมือใหม่แต่ละท่านยังไม่รู้ว่าจะกำหนดกรอบแนวคิดอย่างไร หรือจะเลือกรูปแบบกรอบแนวคิดเป็นรูปแบบใด การศึกษาจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องเล่มอื่นๆ นั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ท่านทราบแนวทางในการที่จะออกแบบกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์เบื้องต้นได้ดี

ก่อนที่จะนำแบบร่างดังกล่าวนั้นไปเสนอกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย เพื่อขอคำแนะนำหรือความคิดเห็นมาปรับปรุงกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์ที่เป็นแบบร่างดังกล่าวเพื่อให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นต่อไป

ท่านสามารถเรียนรู้เทคนิคที่กล่าวไปทั้งหมดข้างต้น และประยุกต์ใช้ในการนำไปกำหนดกรอบแนวคิดวิทยานิพนธ์ เพื่อให้งานวิจัยของท่านนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้โดยดีในที่สุดโดยง่ายดาย

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

3 แนวทางในการทำดุษฎีนิพนธ์ให้เป็นเรื่องง่าย

หลายท่านที่เป็นนักศึกษาหรือผู้วิจัยในระดับปริญญาเอกนั้น จะมีคำถามเกี่ยวกับการทำดุษฎีนิพนธ์ว่ามีขั้นตอนอย่างไรให้จบง่ายที่สุด เพราะการที่จะแสดงผลของความรู้ ความสามารถในการที่จะเป็นดุษฎีบัณฑิตได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีการต่อยอดหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่สะท้อนออกมาจากการทำดุษฎีนิพนธ์

ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าตัวเล่มดุษฎีนิพนธ์นั้นเป็นสิ่งที่จะสะท้อนถึงองค์ความรู้ของผู้วิจัย ซึ่งจำเป็นที่จะต้องต่อยอดความรู้ในสาขาวิชาที่ตนเองเชี่ยวชาญ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้ดุษฎีนิพนธ์ของท่านนั้นกลายเป็นเรื่องง่าย มีดังต่อไปนี้

1. คิดถึงรูปแบบของการวิจัยก่อน

หลายครั้งที่ผู้วิจัยมักจะคิดว่าควรจะศึกษาประเด็นไหน อย่างไรก่อนในการทำดุษฎีนิพนธ์ แต่สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ ควรจะนึกถึงรูปแบบของการวิจัยก่อน เพราะว่ารูปแบบของการวิจัยเป็นสิ่งที่จะสะท้อนว่าผู้วิจัยนั้นถนัดรูปแบบไหน อย่างไร และรูปแบบการวิจัยที่ถนัดจะสามารถสะท้อนความสามารถของผู้วิจัยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากกว่า

ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การทำงานวิจัยแบบเชิงปริมาณที่มีประสิทธิภาพ อาจจะได้ประโยชน์จากการวิจัยที่มีการต่อยอดองค์ความรู้ หรือสะท้อนองค์ความรู้ของผู้วิจัยได้มากกว่าทำสิ่งที่ไม่ถนัดในรูปแบบการวิจัยที่ไม่เชี่ยวชาญ ดังนั้นการคิดถึงรูปแบบของการวิจัยในการทำดุษฎีนิพนธ์ก่อนนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรตระหนักถึงก่อนปัญหาของการวิจัย

2. คิดถึงกลุ่มตัวอย่างที่จะทำการศึกษา

กว่าจะมาถึงการทำดุษฎีนิพนธ์นั้นท่านต้องผ่านการทำวิจัยมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 เล่มจากการศึกษาในระดับปริญญาตรี และระดับปริญญาโท เพียงแต่ว่าหลายท่านอาจจะไม่ทันได้คิดว่ากลุ่มตัวอย่างในปัจจุบันนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต 

ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

เนื่องจากว่าปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการเข้าถึงกลุ่มตัวอย่างที่หลากหลาย และกลุ่มตัวอย่างที่เป็นแบบ niche หรือที่เป็นกลุ่มตลาดจำเพาะนั้นสามารถที่จะให้ข้อมูลที่อาจจะแตกต่างจากผลการวิจัยที่มีอยู่แล้วในอดีต ซึ่งมีความเฉพาะเจาะจงที่แตกต่างจากกลุ่ม mass ที่เป็นกลุ่มมวลชนระดับใหญ่ได้

การศึกษากับกลุ่มตัวอย่างที่มีความเฉพาะเจาะจงจะทำให้ท่านเข้าใจถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตถึงในปัจจุบันได้ ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าการทำดุษฎีนิพนธ์นั้นควรจะนึกถึงกลุ่มตัวอย่างที่เฉพาะเจาะจง และต้องคำนึงถึงเรื่องของการใช้เครื่องมือหรือช่องทางที่จะเข้าถึงกลุ่มตัวอย่างนั้นเช่นกัน

3 คิดถึงอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยด้วย

ในการทำดุษฎีนิพนธ์นั้นหลายท่านอาจจะมีปัญหาในการปรึกษางานกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยในระดับดุษฎีนิพนธ์นั้นส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีเวลาในการที่จะให้คำปรึกษา เพราะว่าด้วยประสบการณ์และวัยวุฒิส่วนใหญ่แล้วจะมีภาระงานที่มากกว่าอาจารย์ท่านอื่นๆ ในสาขาวิชา และอาจารย์ที่ปรึกษาในระดับดุษฎีบัณฑิตนั้นจำเป็นจะต้องมีวัยวุฒิและประสบการณ์ที่สูงมากที่สุดในสาขาวิชา เพื่อที่จะสามารถให้คำแนะนำการวิจัยดุษฎีนิพนธ์ของท่านได้

ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าภาระงานของอาจารย์ที่ปรึกษาของนักศึกษาระดับดุษฎีนิพนธ์นั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดอุปสรรคในการประสานงานได้ วิธีการแก้ไขคือ หากท่านได้รับการแต่งตั้งอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยที่ชัดเจนจากทางสาขาแล้ว การเข้าพบเพื่อวางแผนการทำงานร่วมกันถือเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการตั้งแต่ต้น เพราะจะทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยของท่านรู้ว่าควรจะวางแผนภาระงานของตนเองอย่างไรเพื่อที่จะมีเวลาให้คำปรึกษากับเล่มดุษฎีนิพนธ์ของท่าน

วิธีการที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพที่สุดคือ การคำนึงถึงรูปแบบของการวิจัยและกลุ่มตัวอย่างที่จะทำการศึกษา หลังจากนั้นท่านควรที่จะเข้าพบและขอความร่วมมือในการวางแผนการทำงานร่วมกันกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยของท่าน เพื่อที่จะทำให้ดุษฎีนิพนธ์นั้นเป็นไปตามแผนงานที่ท่านได้กำหนดไว้ร่วมกัน และสามารถประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

4 ข้อที่ห้ามทำ ถ้าอยากสำเร็จงานวิจัย

ในการทำงานวิจัยแต่ละครั้ง ผู้วิจัยมือใหม่หลายท่านมักจะคิดหาทางลัดที่เร็วที่สุดเพื่อทำให้งานวิจัยสำเร็จโดยเร็ว แต่บางครั้งทางลัดดังกล่าวนั้นคือสิ่งที่ห้ามทำโดยเด็ดขาด ซึ่งมี 4 ข้อดังต่อไปนี้

1. ห้ามลอกงานวิจัยเล่มอื่น

ผู้วิจัยมือใหม่หลายท่านคิดว่างานวิจัยเล่มนี้ควรจะใกล้เคียงกับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงคิดว่าจะหยิบเนื้อหาคัดลอกจากงานวิจัยเล่มนี้มาเป็นของตนเองได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำได้ 

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

เพราะปัจจุบันมีการใช้โปรแกรมตรวจสอบการคัดลอกของเนื้อหา เพื่อนำจะมาตรวจสอบความซ้ำซ้อนของเนื้อหาที่ท่านใช้ในงานวิจัย ดังนั้นหากท่านลอกงานวิจัยเล่มอื่นมา ท่านก็จะไม่สามารถผ่านเกณฑ์การคัดลอกที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้ได้เลย

การที่ท่านลอกงานวิจัยเล่มอื่นจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน เพราะว่าปัจจุบันโปรแกรมตรวจสอบการคัดลอกของเนื้อหาได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น โดยการเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยทั่วประเทศอีกและยังมีการเชื่อมโยงในระดับนานาชาติ ดังนั้นท่านจึงควรเขียนเป็นสำนวนงานวิจัยของตัวท่านเองจะเป็นการดีที่สุด

2. ห้ามสืบค้นจากแหล่งวิจัยจากเพียงสถาบันเดียว

เนื่องจากงานวิจัยนั้นจำเป็นต้องใช้การบูรณาการจากเนื้อหางานวิชาการที่มาจากหลายแหล่งอ้างอิง การที่ท่านสืบค้นข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงเพียงแหล่งเดียว จะทำให้บรรณานุกรมหรือแหล่งอ้างอิงของท่านมีเพียงแค่มหาวิทยาลัยเดียว ซึ่งนั่นจะสะท้อนถึงการขาดทักษะในการสืบค้นข้อมูลของตัวท่านเอง

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

การจะเป็นผู้วิจัยที่ดีจะต้องมีการสำรวจ สืบค้นข้อมูลที่หลากหลาย สามารถต่อยอดประเด็นและบูรณาการข้อมูลมาเป็นเนื้อหาในสาขาวิชาที่ตนเองถนัดได้ ดังนั้นการค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่หลากหลายจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการบูรณาการข้อมูล เพื่อจัดทำเป็นข้อมูลงานวิจัยของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ห้ามใช้แต่งานวิจัยภายในประเทศ

เนื่องจากท่านไม่เก่งภาษาอังกฤษ หรือเนื่องจากท่านสามารถสืบค้นได้ง่าย เลยคิดว่าจะใช้แค่แหล่งข้อมูลภายในประเทศเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นความคิดที่ไม่สามารถดำเนินการได้

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

เนื่องจากแต่ละมหาวิทยาลัยนั้นจะมีข้อกำหนดว่า อย่างน้อยท่านจำเป็นต้องมีการอ่าน แปล สรุปจากงานวิจัยเจ้าของทฤษฎีหรือเจ้าของแนวคิดที่มาจากต่างประเทศ เพื่อที่จะให้ท่านได้พัฒนาต่อยอดความรู้หรือศึกษาข้อมูลความรู้ที่เปิดกว้าง ไม่ใช่จำกัดแค่ข้อมูลภายในประเทศไทยเพียงอย่างเดียว

ดังนั้นทักษะในการสืบค้นข้อมูลทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้วิจัยมือใหม่ไม่ว่าจะอยู่ในระดับปริญญาใดก็ตาม ต้องฝึกฝนและพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อความรู้และข้อมูลที่ทันสมัยในการที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสมบูรณ์

4. ห้ามให้อาจารย์ที่ปรึกษาพูดแนะนำโดยไม่มีการเขียนกำกับ

หลายครั้งที่ส่งงานวิจัยเพื่อขอคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษา แล้วอาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำปากเปล่าโดยไม่มีการเขียนกำกับไว้เลยว่าคำแนะนำแต่ละจุดนั้นควรจะแก้ไขประเด็นไหน อย่างไรบ้าง ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดการหลงลืม หรือการเข้าใจไม่ตรงประเด็นกันระหว่างอาจารย์ที่ปรึกษากับผู้วิจัยมือใหม่ขึ้นได้

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย_ข้อห้ามงานวิจัย

หากการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาของท่านมีปัญหาดังกล่าวนี้ วิธีการแก้ไขคือการจดกำกับคำแนะนำทุกครั้งในจุดที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำ เพื่อป้องกันการหลงลืมทั้งจากอาจารย์ที่ปรึกษาหรือตัวท่านเอง และยังทำให้สามารถแก้ไขได้ตรงประเด็นที่อาจารย์ที่ปรึกษาต้องการ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเองในการแก้ไขงานวิจัยอย่างไม่ผิดพลาด ไม่ซ้ำซ้อน ประหยัดระยะเวลา และจะทำให้งานวิจัยของท่านผ่านโดยสมบูรณ์ได้

4 ข้อห้ามทั้งหมดที่กล่าวมานี้มักเป็นความผิดพลาดของผู้วิจัยมือใหม่ ซึ่งหากท่านสามารถนำวิธีแก้ไขไปประยุกต์ใช้ในการทำวิจัยของท่านได้ ก็จะทำให้งานวิจัยของท่านมีประสิทธิภาพ ทำสำเร็จรวดเร็วยิ่งขึ้นและประสบความสำเร็จในการทำวิจัยได้ในที่สุด

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

ความล้มเหลวของการทำวิจัย ที่นักวิจัยมือใหม่มักทำพลาด

สำหรับนักวิจัยมือใหม่ สิ่งที่มักทำพลาดและผิดพลาดกันบ่อยๆ ในการทำงานวิจัยทำให้ไม่สามารถดำเนินงานไปได้จนตลอดรอดฝั่ง จนนำไปสู่ความล้มเหลว คือ

1. การขาดการวางแผนการทำงานที่ชัดเจน

เพราะการที่ไม่มีการวางแผนการทำงานที่ชัดเจน จะทำให้ผู้วิจัยไม่สามารถที่จะประมาณการ หรือกำหนดระยะเวลา ในการทำงานวิจัยในแต่ละบทได้ว่า

จะเริ่มทำเมื่อไร? ทำอย่างไรบ้าง? ต้องทำเสร็จภายในระยะเวลาเท่าไหร่? เป็นต้น

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

ซึ่ง การกำหนดระยะเวลาที่จะใช้ในการทำงานแต่ละบทนั้น จะใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานที่แตกต่างกัน  อาทิเช่น 

บทที่ 1 จะใช้ระยะเวลาเขียนดำเนินการไม่เกิน 1 สัปดาห์ เป็นการศึกษา ทำการเรียบเรียงความเป็นมาและความสำคัญของปัญหางานวิจัยดังกล่าว

ซึ่ง จะแตกต่างจากการทำงานวิจัยบทที่ 2 ที่จำเป็นจะต้องใช้เวลามากที่สุดในการทำงานวิจัย เพื่อสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวกับแนวคิดทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 

แต่ท่านไม่ได้แบ่งงาน ไม่ได้แบ่งระยะเวลาหรือวางแผน วางไว้อย่างดีเพียงพอก็จะทำให้ท่านไม่สามารถกำหนดระยะเวลาที่ต้องใช้ในการทำการวิจัยเพื่อให้เป็นไปตามกำหนดการได้

2. การเลือกอาจารย์ที่ปรึกษาไม่เหมาะสมกับงานวิจัย

ในการเลือก อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยเป็นประเด็นปัญหาที่ทำให้นักวิจัยมือใหม่ส่วนใหญ่นั้น ไม่สามารถที่จะดำเนินการไปสำเร็จลุล่วงได้

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

เนื่องจาก อาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละท่านนั้น อาจจะติดภาระหน้าที่ในการให้คำปรึกษาวิจัยกับผู้วิจัยท่านอื่นๆ จึงส่งผลให้ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะตรวจงานของท่าน 

อีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาที่ผู้วิจัยมือใหม่มักประสบพบเจอกันมาก คือ อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยที่ท่านเลือกนั้น ขาดความรู้ ความเข้าใจ หรือไม่มีความถนัดในหัวข้อเรื่องวิจัยที่ท่านกำลังศึกษามากเพียงพอ

จึงทำให้ต้องเปลี่ยนหัวข้อเรื่องวิจัยตามความถนัดของอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย ทำให้ผู้วิจัยต้องคล้อยตามท่านในช่วงแรก แต่ถ้าว่าเมื่อไม่สามารถหาแหล่งที่จะสืบค้นข้อมูลได้ หรือว่ามีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น อาจจะทำให้การติดต่อประสานงานระหว่างอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยกับท่านไม่สามารถดำเนินงานไปได้ด้วยดีในที่สุด

3. การเลือกหัวข้อในการทำงานวิจัยไม่เหมาะสมกับตัวผู้วิจัย

ข้อนี้เป็นสิ่งที่ทำให้นักวิจัยมือใหม่ส่วนใหญ่มักจะ ตายน้ำตื้น” 

เนื่องจาก เมือเสนอหัวข้อเรื่องวิจัยต่ออาจารย์ที่ปรึกษาไปแล้ว ทางอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยได้ทำการปรับหัวข้อเรื่องวิจัยมาให้ใหม่ ส่งผลให้ท่านต้องปรับแก้ตาม เพื่อที่จะทำให้งานวิจัยเสร็จเร็วที่สุด

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

แต่ถ้าว่า การที่ผู้วิจัยนั้นเลือกทำหัวข้อเรื่องวิจัยที่ตนเองไม่มีความถนัดนั้น มีข้อเสียคือ ท่านขาดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาข้อมูลงานวิจัยนั้นๆ มากพอ หรือการที่จะสืบค้นแหล่งข้อมูลเนื้อหาที่เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องวิจัยที่ท่านทำได้อย่างเพียงพอ หรืออาจจะต้องใช้เวลาในการสืบค้นข้อมูลเกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด

อีกทั้งการที่ท่านเลือกหัวข้อที่ตนเองขาดความถนัดนั้น จะทำให้ขาดความมั่นใจในตอนที่ทำการนำเสนองานต่อคณะกรรมการ เมื่อคณะกรรมการตั้งคำถามที่มีความเชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับงานวิจัยที่ท่านทำ

เพราะท่านขาดความรู้เพียงพอในหัวข้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนั้นๆ ส่งผลให้ไม่สามารถตอบคำถามที่ดีได้อย่างเพียงพอหรือว่าน่าเชื่อถือ ทำให้การนำเสนองานวิจัยส่วนใหญ่ที่ทำการสอบใน 3 บทไม่ผ่าน

หรือจำเป็นต้องมาเปลี่ยนหัวข้อเรื่องวิจัยภายหลัง ทำให้ต้องเสียเวลาที่จะต้องเริ่มทำงานวิจัยในหัวข้องเรื่องใหม่ หรือในที่สุดอาจจะท้อใจในการทำงานวิจัยให้สำเร็จก็เป็นได้

4. ไม่สามารถที่จะกำหนดกลุ่มประชากรตัวอย่างได้อย่างชัดเจน

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

หากทำการกำหนดกลุ่มประชากรตัวอย่างสำหรับงานวิจัยได้อย่างไม่ชัดเจน จะส่งผลให้คำตอบที่จะได้รับจากการทำงานในหัวข้อเรื่องวิจัยนั้น เกิดการคลาดเคลื่อน และไม่มีความน่าเชื่อถือตามหลักของงานวิจัยเชิงวิชาการได้

ท่านจะต้องทำการระบุได้ว่า กลุ่มประชากรตัวอย่างในงานวิจัยคือใคร มีคุณสมบัติอย่างไร ต้องใช้จำนวนเท่าไหร่ และจะใช้สูตรคำนวณอะไรในการวิเคราะห์ข้อมูล ว่าจะเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ หรือว่างานวิจัยเชิงคุณภาพ เป็นต้น

5. งานวิจัยหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องในการศึกษาเรื่องวิจัยนั้นเก่าเกินไป

ในปัจจุบันการสืบค้นข้อมูลงานวิจัย แนวคิดหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องที่ใช้ในการสนับสนุนอ้างอิงงานวิจัย ควรเป็นงานวิจัยที่มีการศึกษาค้นคว้าล่าสุดไม่เกิน 5 – 10 ปี

ความล้มเหลวงานวิจัย_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

เพราะกระแสสังคม และการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ผลันเปลี่ยนได้เร็วขึ้นทำให้ง่ายต่อการสืบค้นข้อมูลงานวิจัย แต่ถ้าหากทำการตั้งหัวข้อวิจัยโดยที่ไม่ทำการศึกษางานวิจัย แนวคิดหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องก่อน อาจจะทำให้เกิดปัญหาคือ ไม่สามารถสืบค้นงานวิจัยที่จะนำมาอ้างอิงข้อมูลที่เป็นปัจจุบันได้ 

ฉะนั้น ควรทำการศึกษางานวิจัย แนวคิดหรือทฤษฎีที่เกี่ยวข้องที่มีเนื้อหาข้อมูลที่ไม่เกิน 5 – 10 ปี ให้สอดคล้องกับหัวข้อเรื่องวิจัย เพื่อใช้ในการสนับสนุนเนื้อหาข้อมูลงานวิจัยให้มีความเป็นปัจจุบัน

และน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นสำหรับ “ความล้มเหลว 5 ประการที่นักวิจัยมือใหม่มักทำพลาด” ที่กล่าวไปข้างต้นนี้ เป็นสิ่งที่นักวิจัยมือใหม่ ที่ยังขาดประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในการทำงานวิจัย ที่มักจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดกันบ่อยๆ

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com

3 เทคนิคการออกแบบ แบบสอบถามลักษณะที่ดี!

การออกแบบ แบบสอบถามที่ดีได้นั้น นอกจากคุณจะได้คำตอบที่ตอบวัตถุประสงค์การวิจัยแล้ว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยังสามารถทราบพฤติกรรมของผู้ตอบแบบสอบถามได้อย่างชัดเจนขึ้น และนำผลการศึกษาไปปรับปรุงตามข้อเสนอแนะ หรือเป็นแนวทางในการทำการตลาดได้อีกด้วย

การออกแบบ แบบสอบถาม_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_เทคนิคการสร้างแบบสอบถาม_แบบสอบถามวิจัย_แบบสอบถามงานวิจัย_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_การวิเคราะห์ ANOVA_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_บริการรับทำวิจัย.com

ด้วยเหตุนี้ ลักษณะแบบสอบถามที่ดีสามารถทำให้ผู้ตอบแบบสอบถามเข้าใจได้ง่าย และผู้วิจัยได้คำตอบที่ตรงกับคำถาม จะต้องการออกแบบ แบบสอบถามให้มีลักษณะ ดังนี้

1. ข้อคำถามต้องกระชับเข้าใจง่าย

ในการตั้งคำถามนั้น ข้อคำถามที่ดีผู้อ่านต้องอ่านแล้วเข้าใจได้เลย ซึ่งนี่ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของนักวิจัย ในการตั้งคำถาม เพราะคำถามที่ตั้งมานั้นจะต้องชัดเจน ไม่ถามกว้างเกินไป และไม่กำกวม เพราะจะทำให้ผู้ตอบเข้าใจผิด ส่งผลให้ไม่ตั้งใจตอบก็เป็นได้ 

เช่น ต้องการจะสอบถามพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ว่ามีปัจจัยใดบ้างที่จะเป็นแรงผลักดันให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 

ซึ่งแรงจูงใจในการทำงานตามหลักทฤษฎีของ Herzberg ประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยค้ำจุน และปัจจัยจูงใจ เป็นทฤษฎีที่สามารถจัดองค์ประกอบแรงจูงใจได้อย่างชัดเจนและครอบคลุมที่สุด เมื่อพนักงานเกิดความพึงพอใจในปัจจัย ต่างๆ เหล่านี้ ก็จะทำให้พวกเขาเกิดความตั้งใจและมุ่งมั่น เพื่อความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของบริษัทได้เป็นอย่างดี 

ดังนั้นผู้วิจัยอาจจะทำการตั้งคำถาม สอบถามพนักงานว่า 
– เงินเดือนที่ท่านได้รับเหมาะสมกับตำแหน่งงานที่ท่านได้รับหรือไม่? 
– บริษัทของท่านสนับสนุนให้ท่านแสดงออกความคิดเพื่อแก้ไขปัญหางานสำคัญหรือไม่? 
– หรือหัวหน้างานของท่านมีความยุติธรรมกับลูกน้องใต้บังคับชาหรือไม่? เป็นต้น 

จึงกล่าวได้ว่าหลักการตั้งคำถามที่ดีนั้น จะต้องสรุปได้ว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน และอย่างไร ถึงจะเป็นลักษณะคำถามที่ดี แต่จะมีนักวิจัยสักกี่คนที่ทำได้ดี เพราะการตั้งคำถามถือได้ว่าเป็นการศิลปะผสมกับจิตวิทยา โดยจะกล่าวในหัวข้อต่อไป

2. คำถามต้องตรงกับสถานการณ์ที่ผู้ตอบแบบสอบถามพบเจอ

ในการตั้งคำถามที่ดีนั้น จากโจทย์ข้างต้น หากตั้งคำถามที่ไม่ตรงกับสถานการณ์ที่พนักงานพบเจอผู้วิจัยจะไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเลย ผู้วิจัยควรศึกษาก่อนว่ากลุ่มตัวอย่างเป็นใคร ทำงานลักษณะไหน และบรรยากาศการทำงานเป็นอย่างไร หรืออาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติมว่าบริษัทที่พนักงานทำงานอยู่นั้นขายผลิตภัณฑ์ เพื่อที่จะเข้าใจพฤติกรรมของเขาและตั้งคำถามให้ตรงกับสถานการณ์ที่พนักงานพบเจอ 

3. จำนวนหน้าของแบบสอบถามไม่เยอะจนเกินไป

ในจำนวนหน้าของแบบสอบถามหากเยอะเกินไป ผู้ตอบแบบสอบถามจะรู้สึกว่าเสียเวลา และเบื่อหน่าย จนทำให้ผลของข้อมูลที่ได้ไม่น่าเชื่อถือและน่าไว้วางใจ เพราะการตอบแบบสอบถามแต่ละครั้งส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 20-25 นาที 

ดังนั้นจำนวนหน้าของแบบสอบถามที่เหมาะสมจึงไม่ควรเกิน 3 – 4 หน้ากระดาษ A4 หากจำนวนหน้าเยอะมากกว่านี้ ควรพิจารณาขอบข่ายการวิจัยหากข้อคำถามใดไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยจริงๆ ควรตัดรายการข้อคำถามทิ้ง ฉะนั้นผู้วิจัยจึงควรร่วมกันพิจารณาเรื่องเหล่านี้ด้วย

เมื่อทำการออกแบบ แบบสอบถามออกมาสมบูรณ์แล้วผู้วิจัยควรให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วน ว่ามีคำถามใดบ้างที่ควรแก้ไขให้ถูกต้องตามทฤษฎีหรือไม่ รวมทั้งตรวจดูว่าข้อคำถามดังกล่าวยากเกินไปสำหรับผู้ตอบระดับนี้หรือไม่ และเหมาะสมเพียงไร มีลักษณะเป็นคำถามชี้นำหรือไม่ 

อีกทั้งยังควรพิจารณาตรวจสอบด้วยข้อข้อคำถามนี้จะได้ประโยชน์อย่างไรบ้าง ถ้าไม่ถามจะขาดประโยชน์อย่างไรบ้าง รวมถึงตรวจดูการจัดหน้า เว้นวรรค และตัวสะกดการันต์ว่าถูกต้อง และเหมาะสมแล้วหรือไม่ เป็นต้น

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

สอนเขียนบทความวิจัย เขียนยังไงให้มีความน่าสนใจ

การเขียนบทความวิจัยเป็นสิ่งหนึ่งที่ผู้วิจัยที่ทำเล่มงานวิจัยเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว จำเป็นต้องสรุปเนื้อหาทำเป็นบทความวิจัยส่งไปที่วารสาร เพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานทางวิชาการของตนเอง 

แต่ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า… จะทำอย่างไรให้เนื้อหาบทความวิจัยที่เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้มีในการนำเสนอที่น่าสนใจ 

สำหรับบทความนี้จะมาสอนวิธีการเขียนบทความวิจัยให้มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 

1. ปรับหัวข้อบทความให้น่าสนใจ

การปรับหัวข้อบทความที่จะส่งตีพิมพ์ให้กับวารสารให้น่าสนใจ ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นเคล็ดลับที่ผู้วิจัยมือใหม่ส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ว่า บทความที่จะส่งตีพิมพ์นั้นสามารถที่จะปรับหัวข้อเรื่องให้แตกต่างไปจากหัวข้อเล่มวิจัยได้ 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

โดยเฉพาะการปรับหัวข้อบทความให้มีความน่าสนใจเหมือนเป็นชื่อบทความที่เผยแพร่ทางออนไลน์ หรือว่าเผยแพร่ทางวารสารทั่วไป ไม่จำเป็นที่จะต้องเหมือนกับตัวเล่มวิจัยฉบับสมบูรณ์

ดังนั้นการที่จะปรับหัวข้อบทความให้น่าสนใจอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับว่าท่านกำหนดวัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนั้นว่าเป็นอย่างไรด้วย

การจะปรับหัวข้อบทความวิจัยให้น่าสนใจ จะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการวิจัย เพราะจำเป็นที่จะต้องปรับให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย แต่ทว่าอาจจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยบางท่านที่แนะนำให้ปรับหัวข้อบทความที่แตกต่างไปจากวัตถุประสงค์การวิจัยก็ได้ แต่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไข คือ จะต้องไม่แตกต่างจากเนื้อหาผลสรุปของการวิจัยที่นำเสนอ 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

ดังนั้นการที่จะปรับแต่งหัวข้อบทความให้น่าสนใจ จะต้องคำนึงถึงเนื้อหาผลการวิจัยหรือผลลัพธ์ของการวิจัยที่ค้นคว้าได้เป็นหลัก

2.เขียนสรุปเฉพาะประเด็นสำคัญ

การเขียนบทความวิจัยส่วนใหญ่แล้วจะมีรูปแบบที่จำกัดจำนวนหน้าที่จำเป็นจะต้องเขียนรูปแบบตามนั้น ดังนั้นการเขียนนำเสนอเนื้อหาบทความวิจัย จำเป็นจะต้องเขียนที่สอดคล้องกับรูปแบบของวารสารหรือรูปแบบของบทความที่กำหนดไว้

ดังนั้นการที่จะต้องเขียนให้สอดคล้องกับบทความที่กำหนดไว้อย่างไรนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องเขียนให้นำเสนอแต่เพียงประเด็นสำคัญที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการศึกษา 

การเขียนบทความวิจัย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องสรุปเนื้อหาผลลัพธ์ให้กระชับและได้ใจความ โดยเฉพาะการสรุปเหลือแต่เพียงประเด็นสำคัญที่จะส่งผลถึงการอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาบทความที่สรุปย่อมาจากเล่มงานวิจัย

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

การสรุปเนื้อหาให้กระชับไม่เป็นจำที่จะต้องเป็นแค่เพียงเนื้อหา Text ข้อความเท่านั้น ท่านสามารถที่จะสรุปเป็นแผนภาพ หรือสรุปเป็นตารางข้อมูล เพื่อนำเสนอให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น 

ดังนั้นการเขียนบทความวิจัยจึงเป็นเป็นที่จะต้องอาศัยการเรียบเรียง และขัดเกลา เพื่อให้เนื้อหาออกมาได้ตรงประเด็น และเข้าใจได้ง่ายมากที่สุด

3. นำเสนอด้วยแผนภาพหรือตารางประกอบ

การนำเสนอบทความวิจัยไม่จำเป็นที่จะต้องนำเสนอแต่เพียงแค่เนื้อหาที่เป็น Text ข้อความล้วนเท่านั้น แต่ท่านสามารถที่จะนำเสนอในรูปแบบของแผนภาพ หรือแผนผัง 

การออกแบบแผนภาพดังกล่าวนี้ อาจจะกำหนดเป็นอินโฟกราฟิกที่มีการแทรกเนื้อหาสรุปใจความหลักผลลัพธ์ของการวิจัยได้ 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_การเขียนบทความวิจัย_บทความวิจัย

ดังนั้นการที่จะนำเสนออย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบการออกแบบแผนภาพของท่านด้วย 

การที่จะออกแบบแผนภาพหรือรูปภาพที่ง่ายต่อการทำความเข้าใจนั้น ท่านสามารถที่จะดูตัวอย่างแนวทางของบทความที่ได้รับความนิยม หรือบทความที่ได้รับการเผยแพร่ และได้รับรางวัลต่างๆที่มีการนำเสนอแล้วมีเนื้อหาที่นำเสนอโดดเด่น น่าสนใจ ท่านสามารถยึดตัวอย่างบทความนั้น เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการเขียนบทความวิจัยของท่านได้

ทั้งหมดที่กล่าวไปข้างต้นนี้เป็นเทคนิคของการเขียนบทความวิจัยให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หากท่านสามารถนำเนื้อหาสาระของบทความนี้ ไปประยุกต์ใช้ในการเขียนบทความวิจัยของท่านได้ ก็จะทำให้บทความวิจัยของท่านนั้นมีความน่าสนใจมากขึ้น

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย

เทคนิค 3 ข้อ ในการตั้งหัวข้อวิจัยให้ถูกใจอาจารย์ที่ปรึกษา

ในการตั้งหัวข้อวิจัยก็ต้องมีเทคนิคเพื่อให้หัวข้อวิจัยดึงดูดความสนใจและถูกใจอาจารย์ที่ปรึกษาเช่นกัน 

ในบทความนี้จะแนะนำ 3 เทคนิคในการตั้งหัวข้อวิจัยที่จะช่วยให้หัวข้องานวิจัยให้น่าดึงดูด และถูกใจอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งเหมาะสำหรับผู้วิจัยมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงานวิจัย

1. ถามอาจารย์ที่ปรึกษาว่าควรใช้การวิจัยรูปแบบใด

การถามกับอาจารย์ที่ปรึกษาว่าควรใช้การวิจัยรูปแบบใด ก็ถือว่าเป็นหนึ่งแนวทางการเปิดหัวข้อการพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา เพื่อที่จะฟังความคิดเห็นของอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อที่จะนำรูปแบบวิธีการวิจัยดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในการตั้งข้อการวิจัยของท่าน 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย

เนื่องจากว่าสิ่งสำคัญนอกเหนือไปจากหัวข้อของการวิจัยแล้ว การทราบถึงประเภทหรือรูปแบบงานวิจัยก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะความถนัดในงานวิจัยเชิงปริมาณหรืองานวิจัยเชิงคุณภาพ ที่ผู้วิจัยแต่ละท่านมีความถนัดไม่เหมือนกัน การเปิดหัวข้อสนทนาโดยให้อาจารย์ที่ปรึกษาแสดงความคิดเห็นหรือคำแนะนำรูปแบบของการวิจัยนั้นถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยกำหนดหัวข้อวิจัยทางอ้อมว่าควรเป็นไปในรูปแบบใด

2. ปัญหาการวิจัยที่ควรจะพัฒนาต่อยอดจากรุ่นพี่มีบ้างหรือไม่

การพูดคุยเพื่อให้อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำหัวข้อวิจัยให้ท่านนั้นสามารถพูดคุยไปในเชิงว่ารุ่นพี่ที่เพิ่งสอบเล่มวิจัยผ่านไปนั้นเขาสอบผ่านด้วยหัวข้อวิจัยรูปแบบใด ใช้การวิจัยประเภทใด เพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดมาจากเล่มรุ่นพี่ดังกล่าวได้ ท่านสามารถอาศัยข้อมูลดังกล่าวมาเป็นแนวทางในการดัดแปลงหัวข้อวิจัยจากรุ่นพี่ เพื่อนำมาใช้เป็นการศึกษาวิจัยของตนเองได้ 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย

ในการที่จะดัดแปลงหัวข้อวิจัยของรุ่นพี่นั้นท่านต้องทราบก่อนว่าเขาศึกษาเกี่ยวกับประเด็นใด อย่างไร ตัวแปรใด หรือมีปัญหาอย่างไร เพื่อที่จะนำมาพัฒนาต่อยอดในการประยุกต์ใช้เป็นหัวข้อการวิจัยของท่าน โดยข้อมูลดังกล่าวนี้ควรมาจากอาจารย์ที่ปรึกษา เพราะว่าหัวข้อที่รุ่นพี่ทำนั้นเป็นสิ่งที่อาจารย์ที่ปรึกษารับรู้ และเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาโดยตรงในงานวิจัยของรุ่นพี่ดังกล่าว

 3. ปัจจุบันควรจะนำประเด็นใดมาพัฒนาแก้ไขดี

การถามกับอาจารย์ที่ปรึกษาว่าควรจะนำประเด็นใดมาพัฒนาแก้ไขดี เป็นเหมือนการสอบถามความคิดเห็นของอาจารย์ที่ปรึกษาว่า ความคิดเห็นในปัจจุบันของอาจารย์ที่ปรึกษานั้นมีความสนใจในประเด็นใดอยู่ 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การตั้งหัวข้อวิจัย_เทคนิคตั้งหัวข้อวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย

เนื่องจากอาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละท่านนั้นต้องสร้างผลงานวิชาการปีละหลายชิ้นงาน ดังนั้นหากทราบข้อมูลในประเด็นที่อาจารย์ที่ปรึกษากำลังสนใจติดตามศึกษาอยู่ ท่านก็สามารถนำประเด็นดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในการตั้งหัวข้องานวิจัยของท่านให้ถูกใจอาจารย์ที่ปรึกษาได้เช่นกัน

การตั้งหัวข้อวิจัยนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างฝ่ายผู้วิจัยกับฝ่ายอาจารย์ที่ปรึกษา โดยเฉพาะฝ่ายอาจารย์ที่ปรึกษานั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่จะพัฒนาหัวข้อวิจัยใดนั้นอยู่ในดุลยพินิจของอาจารย์ที่ปรึกษาที่จะให้คำแนะนำได้อย่างชัดเจน มีประสบการณ์ และมีความสอดคล้องกับความสามารถหรือความถนัดของผู้วิจัย 

หากท่านสามารถนำเทคนิคดังกล่าวนี้ไปประยุกต์ใช้ในการตั้งหัวข้อวิจัยให้ถูกใจอาจารย์ที่ปรึกษาได้ ก็จะทำให้ท่านสามารถทำงานวิจัยนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปได้โดยง่าย

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

5 เทคนิคในการสืบค้นข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

นักวิจัยหลายท่านมีปัญหาในการสืบค้นข้อมูลงานวิจัยเพื่อที่จะค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้กับการศึกษาวิจัยของตนเอง

ซึ่งในบทความนี้ มีเทคนิคในการสืบค้นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องว่าต้องทำแบบไหน อย่างไร เพื่อที่จะสำเร็จได้ง่ายและสามารถนำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังกล่าวนั้นมาประยุกต์ใช้กับงานวิจัยของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

1. ต้องสืบค้นจากตัวแปรที่ทำการศึกษาวิจัย

การสืบค้นจากตัวแปรที่ทำการศึกษาวิจัยจะทำให้ท่านทราบว่าตัวแปรดังกล่าวนี้มีอยู่ในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องชิ้นใดบ้าง เนื่องจากการกำหนดตัวแปรที่จะใช้ในการวิจัยนั้นมีอยู่ในกรอบแนวคิดการวิจัยอย่างชัดเจนอยู่แล้ว 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

ท่านเพียงแต่นำข้อมูลตัวแปรที่กำหนดไว้ในกรอบแนวคิดของการวิจัยของท่านมาสืบค้นทีละตัวแปรเพื่อที่จะให้ได้งานวิจัยแต่ละชิ้นงานที่สอดคล้องกันจนครบทุกตัวแปร เพื่อที่จะหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนการศึกษาวิจัยตัวแปรดังกล่าวได้อย่างเพียงพอ

2. คำต้องกระชับและชัดเจน

หลายครั้งที่มีการกำหนดชื่อตัวแปรที่ค่อนข้างยาวจึงทำให้เป็นปัญหาต่อการสืบค้นข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการจะสืบค้นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องท่านต้องคิดถึงประเด็นหลักหรือ Keyword ของตัวแปรดังกล่าว 

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

เช่น “ความต้องการต่อการพัฒนา” สามารถสรุปได้สั้นๆ ก็คือ “ความต้องการพัฒนา” ฉะนั้นท่านต้องแยกเป็น 2 ตัวแปร หรือ 2 คำที่มีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน เพื่อที่จะนำไปใช้ในการสืบค้นข้อมูลงานวิจัยต่างๆ

ซึ่งผลลัพธ์จะปรากฏตาม Keyword (คำหลัก) ที่ท่านกำหนดในการสืบค้น ท่านต้องตีความให้ชัดเจนว่าตัวแปรที่ชื่อยาวนี้มี Keyword หลักคืออะไร 

อย่างตัวอย่างที่ยกไปข้างต้นคือ “ความต้องการต่อการพัฒนา”
Keyword หลัก คือ “ความต้องการ” 
Keyword รอง คือ “การพัฒนา” 

ท่านต้องแยกเป็น Keyword หลัก และ Keyword รอง เพื่อที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสืบค้นข้อมูลงานวิจัย เพื่อค้นหางานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่มีความสอดคล้องกับตัวแปรที่ท่านต้องการศึกษาได้

3. หาคำพ้องที่มีความหมายคล้ายคลึงกัน

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การหาคำที่มีความสอดคล้องหรือความหมายที่ใกล้เคียงกับตัวแปรที่ท่านทำการศึกษาวิจัย ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่อาจจะนำไปสู่ขอบเขตงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่สอดคล้องกับตัวแปรที่ท่านทำการศึกษาได้ 

เช่น การกำหนดการสืบค้นข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับความต้องการในการพัฒนา ก็จะมี Keyword ที่สอดคล้องหรือใกล้เคียงกันคือ “ความคาดหวังต่อการพัฒนา” “แนวทางการพัฒนา” หรือ “ประสิทธิภาพการบริหารที่ส่งผลต่อการพัฒนา”

Keyword เหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความคล้ายคลึงและใกล้เคียงกับตัวแปรที่สอดคล้องกับ “ความต้องการในการพัฒนา” ซึ่งท่านสามารถนำ Keyword ต่างๆ เหล่านี้ไปสืบค้นเพิ่มเติม เพื่อที่จะให้ได้ผลลัพธ์จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่ใกล้เคียงกับตัวแปรที่ท่านทำการศึกษาอยู่ได้

4. ค้นหา Keyword ภาษาอังกฤษ

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

บางครั้งงานวิจัยที่เกี่ยวข้องภายในประเทศไทยก็มีการแปลทับศัพท์ภาษาอังกฤษ ซึ่งจะมีการแปลโดยใช้ภาษาที่แตกต่างกันไป เช่นคำว่า “Social Network (เครือข่ายสังคม)” ในบางครั้งผู้วิจัยหรือว่างานวิจัยบางเล่มนั้นก็จะใช้คำว่า “สื่อสังคมออนไลน์” ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายสอดคล้องหรือใกล้เคียงที่จำเป็นต้องมีการค้นคว้า หรือสืบค้นข้อมูลงานวิจัยโดยใช้ Keyword ที่แตกต่างกัน

การที่ท่านจะสืบค้น Keyword ที่ต้องการจากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องได้นั้นจำเป็นที่จะต้องคิดถึงการใช้ Keyword ค้นหาเป็นภาษาอังกฤษร่วมด้วยเสมอทุกครั้ง เนื่องจาก Keyword ที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นอาจจะให้ผลลัพธ์ที่ตรงประเด็นและชัดเจนกว่าการใช้คำค้นหาที่เป็นคำภาษาไทยเพียงอย่างเดียวก็ได้

5. ค้นหาจากหลากหลายแหล่งข้อมูล

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส_การสืบค้นข้อมูลงานวิจัย_งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

การค้นหาจากหลากหลายแหล่งข้อมูลจะทำให้ท่านได้รับผลลัพธ์จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้องที่สอดคล้องกับความต้องการของท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นการสืบค้นที่ใกล้เคียงกับตัวแปร การแยกคำ คำหลัก คำรอง การสืบค้นข้อมูลงานวิจัยโดยใช้ภาษาอังกฤษ เพื่อที่จะใช้สืบค้นในฐานข้อมูลแห่งใดแห่งหนึ่ง 

แต่ฐานข้อมูลนั้นมีหลากหลายฐานข้อมูล การที่จะสืบค้นให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั้นท่านจำเป็นที่จะต้องมีฐานข้อมูลจำนวนมากเพื่อที่จะใช้ในการสืบค้นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

5 เทคนิค ในการสืบค้นข้อมูลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้ เป็นเทคนิคที่ผู้เชี่ยวชาญในการทำงานวิจัยมักจะใช้ในการสืบค้นงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการสืบค้นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องของท่านได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยของท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส

กลยุทธ์ 3 ในการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย

ผู้วิจัยมือใหม่หลายท่านนั้นมักจะรู้สึกเกร็งหรือมีความไม่แน่ใจในผลงานที่ตนเองจะนำเสนอเมื่อต้องเข้าพบกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย โดยเฉพาะเมื่อเป็นผลงานในช่วงเริ่มต้นที่เขียนงานวิจัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเกิดจากความไม่มั่นใจในเนื้อหาที่ตนเองเขียนอย่างเพียงพอ จึงทำให้มีปัญหาในการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่เสมอ ในบทความนี้จะมีเทคนิคที่สามารถพัฒนาเป็นกลยุทธ์ที่จะนำไปใช้ในการทำงานวิจัยของท่านได้

1. ส่งงานให้อาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยดูก่อนล่วงหน้า

การส่งงานให้อาจารย์ดูก่อนล่วงหน้าถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ผู้วิจัยมือใหม่นั้นให้ความสำคัญและนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานวิจัยของตนเอง

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส

เนื่องจากการส่งงานให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจสอบก่อนล่วงหน้านั้นสามารถลดขั้นตอนที่จะเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัยหรือลดความประหม่าที่อาจจะเกิดขึ้นในการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาลงได้ และทำให้สะดวกในการทำงานของทั้งสองฝ่ายอีกด้วย

2. บันทึกคลิปเสียงหรือวิดีโอ

การบันทึกคลิปเสียงหรือวิดีโอขณะที่เข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาในกรณีที่ไม่สามารถส่งงานให้อาจารย์ที่ปรึกษาดูก่อนล่วงหน้าได้ หรือในกรณีที่จำเป็นต้องถืองานเข้าไปพบกับอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย การบันทึกวีดีโอหรือบันทึกเสียงขณะที่อาจารย์ให้คำปรึกษาถือเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำงานวิจัยในปัจจุบัน

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส

เนื่องจากการบันทึกคลิปเสียงหรือวิดีโอนั้นทำให้สะดวกต่อการย้อนดูคำแนะนำอีกครั้งในภายหลัง ทำให้สามารถแก้ไขตามคำแนะนำได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม และจะลดระยะเวลาในการทำงานวิจัยของท่านลงได้

3. ให้อาจารย์เขียนคอมเมนต์เป็นลายลักษณ์อักษร 

การเขียนคอมเมนต์เป็นลายลักษณ์อักษรถือเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องมาจากการบันทึกคลิปเสียงหรือบันทึกคลิปวีดีโอไว้แล้ว การให้อาจารย์ที่ปรึกษาเขียนคอมเมนต์ลงไปในหน้ากระดาษเป็นลายลักษณ์อักษร จะทำให้ท่านสามารถย้อนดูได้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาต้องการที่จะแก้ไขในประเด็นใด และมีความต้องการอย่างไรในการที่จะพัฒนางานวิจัยของท่าน

อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส) _การทำธีสิส_การทำทีสิส

ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อท่านในการเก็บคอมเมนต์นั้นไว้เพื่อแนบมาพร้อมกับการแก้ไขงานวิจัยของท่านในการส่งงานครั้งถัดไป

การเขียนคอมเมนต์ลงไปในหน้ากระดาษเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นจำเป็นต้องขอความร่วมมือกับอาจารย์ที่ปรึกษา เนื่องจากอาจารย์หลายท่านนั้นส่วนใหญ่จะแนะนำแบบปากเปล่า เพราะมีความต้องการที่จะให้นักศึกษานั้นคิดด้วยตนเองหรือจำด้วยตนเอง แต่นักศึกษาส่วนใหญ่แล้วจะจำไม่ค่อยได้ 

ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือการขอความอนุเคราะห์จากอาจารย์ที่ปรึกษาให้เขียนคอมเมนต์ลงไปในหน้ากระดาษเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อป้องกันความผิดพลาดในการแก้ไขตามคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษานั่นเอง

หากท่านสามารถนำ กลยุทธ์ 3ในการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาวิจัย เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานวิจัย หรือ Thesis ของท่านได้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการระยะเวลา ป้องกันข้อผิดพลาด และแก้ไขซ้ำซ้อนในการเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละครั้ง ซึ่งจะทำให้งานวิจัยของท่านนั้นสำเร็จเร็วขึ้นและดียิ่งขึ้น

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม_การวิเคราะห์ ANOVA

5 ขั้นตอนกับการวิเคราะห์ ANOVA

การวิเคราะห์ ANOVA คือ เทคนิคการวิเคราะห์ที่ใช้ทดสอบสมมติฐานของตัวแปรที่มากกว่า 2 กลุ่ม ขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการวิเคราะห์วิจัยเชิงปริมาณ 

บทความนี้จึงจะนำคุณมาสู่ 5 ขั้นตอนในการเริ่มต้นวิเคราะห์ ANOVA ดังนี้

1. การตั้งสมมติฐาน

การตั้งสมมติฐานเป็นส่วนหนึ่งของการอธิบายผลที่ต้องการจะศึกษา เนื่องมาจากการตั้งสมมติฐานต้องคาดคะเนคำตอบ อย่างมีเหตุมีผล โดยจะต้อง ระบุให้ชัดเจนว่าอะไรสัมพันธ์กับอะไร สัมพันธ์กันอย่างไร หรืออะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล เนื่องจากสมมติฐานเป็นข้อยืนยัน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสองตัวหรือเกินกว่านั้น ดังนั้นการวิเคราะห์ ANOVA จึงมีสูตรการตั้งสมมติฐานดังนี้

ตัวอย่างการตั้งสมมติฐาน

– ความถี่ในการสูบบุหรี่ ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด แตกต่างกัน สามารถเขียนสมมติฐานได้ดังนี้

H0 : ความถี่ในการสูบบุหรี่ ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด  
H1 : ความถี่ในการสูบบุหรี่ ที่แตกต่างกัน ไม่ส่งผลต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด  

– อายุของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม แตกต่างกัน สามารถเขียนสมมติฐานได้ดังนี้

H0 : อายุของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม แตกต่างกัน
H1 : อายุของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่แตกต่างกัน

2. กำหนดระดับนัยสำคัญ

เมื่อตั้งสมมติฐานได้แล้ว  สิ่งที่จะสามารถบอกถึงความเป็นไปได้ของผลที่กำลังศึกษาได้ ก็คือระดับนัยสำคัญถ้าสมมติฐานหลักเป็นความจริง ระดับนัยสำคัญมักมีค่าน้อยกว่า 0.05 เสมอ

ดังนั้นระดับนัยสำคัญ มักตั้งไว้ที่ 0.05 ซึ่งหมายถึง ความเป็นไปได้ของข้อมูลที่จะเป็นความจริง หากระดับนัยสำคัญต่ำกว่า 0.01 นั่นหมายความว่า ความเป็นไปได้ของข้อมูลที่จะเป็นความจริงมีมากขึ้น นั่นเอง

แต่กระนั้นระดับนัยสำคัญที่ 0.05 ถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถยอมรับได้แล้ว

3. เลือกวิธีการทางสถิติ

ต่อมาคุณจะต้องเลือกวิธีการสถิติเพื่อทำการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยรายคู่ โดยส่วนใหญ่จะใช้การเปรียบเทียบพหุคูณ (Multiple comparison test) ตามวิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s method) หรือการทดสอบ HSD ของทูกีย์ (Tukey’s HSD test) หรือ วิธีของนิวแมนคูลส์ (Newman Keuls method) 

ซึ่งเคยกล่าวไว้ในบทความก่อนหน้านี้ ซึ่งการทดสอบค่าเฉลี่ยรายคู่ที่นิยมมากที่สุดก็คือ วิธีของเชฟเฟ่ (Scheffe’s method) นั่นเอง 

4. หาค่า Sig. หรือค่า P-Value

ค่า Sig. หรือบางมหาลัยเรียก ค่า P-Value เป็นตัวเลขที่จะบอกว่าตัวแปรต้นส่งผลต่อตัวแปรตามหรือไม่ หากค่า Sig. ต่ำกว่า 0.05 แสดงว่าตัวแปรต้นส่งผลต่อตัวแปรตาม ตรงกันข้าม หากค่า Sig. มากกว่า 0.05 แสดงว่า ตัวแปรต้นไม่ส่งผลต่อตัวแปรตามเช่นกัน ซึ่งผลการวิเคราะห์สามารถศึกษาได้จากหัวข้อต่อไป

5. วิเคราะห์ผลและสรุป

จากตัวอย่างการตั้งสมมติฐานข้างต้น สามารถวิเคราะห์ผลและสรุปผลได้ดังนี้

– ความถี่ในการสูบบุหรี่ ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด แตกต่างกัน

หากค่า Sig. มีระดับนัยสำคัญต่ำกว่า 0.05 แสดงว่า ยอมรับสมมติฐาน H0 ปฏิเสธสมมติฐาน H1 นั่นหมายความว่า ความถี่ในการสูบบุหรี่ ที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการเป็นโรคมะเร็งปอด อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

– อายุของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม แตกต่างกัน

หากค่า Sig. มีระดับนัยสำคัญมากกว่า 0.05 แสดงว่า ยอมรับสมมติฐาน H1 ปฏิเสธสมมติฐาน H0 นั่นหมายความว่า อายุของผู้บริโภคที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่แตกต่างกัน 

จะเห็นได้ว่าการวิเคราะห์ ANOVA คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากคุณได้เทคนิคดีๆ จากบริษัทเรา

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม

ข้อคำถามเด็ดโดนใจ ในการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ

แบบสอบถามความพึงพอใจ ส่วนใหญ่เป็นการสอบถามพฤติกรรมของผู้บริโภค ว่ามีการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างไร มีการสืบค้นข้อมูลในการซื้อผลิตภัณฑ์อย่างไร มีความถี่ในการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างไร และใครเป็นผู้มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์นั้น 

เนื่องจากทุกๆ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร สังคม หรือเทคโนโลยี ในปัจจุบันจะส่งผลให้เกิดความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ทั้งสิ้น

ดังนั้น ผู้ประกอบการหรือผู้วิจัยหลายท่านจึงต้องวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อทราบความพึงพอใจในการนำข้อมูลมาปรับปรุง เปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด 

บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA_แบบสอบถามความพึงพอใจ_ตั้งคำถามแบบสอบถาม

ทฤษฎี 6W1H เป็นหนึ่งในการนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค ในบทความนี้ เราจะนำคุณไปสู่การตั้งข้อคำถามเด็ดโดนใจ ตามทฤษฎีการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ส่งผลต่อความพึงพอใจ โดยใช้ทฤษฎี  6W1H ซึ่งจะต้องถามด้วยคำถามต่อไปนี้

1. Who

ข้อคำถามนี้จะตอบได้ว่าผู้บริโภคจริงๆ ของธุรกิจคือใคร เช่น

– ท่านมีเพศอะไร?
– ท่านมีอายุอยู่ในเจนเนอเรชั่นไหน?
– ท่านทำอาชีพอะไร?
– ท่านมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนเท่าไร?
– ท่านจบการศึกษาชั้นไหน?

2. What 

ข้อคำถามนี้จะตอบได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ เช่น

– ท่านชอบใส่ชุดออกกำลังกายยี่ห้ออะไร?
– สื่อสังคมออนไลน์ใด ที่ทำให้ท่านได้ข้อมูลในการตัดสินใจซื้อสินค้า?
– ท่านใส่เสื้อผ้าไซต์อะไร?
– ท่านชอบใส่เสื้อผ้าสไตส์ไหน?
– ท่านชอบชุดออกกำลัยกายที่มีลักษณะอย่างไร?

3. Where 

ข้อคำถามนี้จะตอบได้ว่าผู้บริโภคซื้อสินค้าของเราจากที่ไหนบ้าง เช่น

– ท่านซื้ออาหารที่ไหนบ้าง?
– ท่านออกกำลังกายที่ไหน?
– ท่านชอบช้อปปิ้งห้างไหน?
– ท่านอยากไปฮันนีมูนที่ไหน?
– ท่านชอบไปเที่ยวประเทศไหน?

4. When 

ข้อคำถามนี้จะตอบได้ว่าส่วนใหญ่ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าของเราเมื่อไหร่ เวลาไหน เช่น

– ท่านใช้บริการ FOOD PANDA ในการสั่งซื้ออาหารส่วนใหญ่เวลากี่โมง?
– ท่านซื้อสินค้าออนไลน์เวลาไหน?
– ท่านเข้างานเวลากี่โมง?
– ท่านเลิกงานเวลากี่โมง?
– ท่าน ดู YouTube เวลาไหน?

5. Why 

ข้อคำถามนี้จะตอบได้ว่าทำไมผู้บริโภคถึงตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการ เช่น

– เหตุใดท่านถึงชอบซื้อสินค้าออนไลน์?
– ทำไมท่านถึงเลือกซื้อหมอนยางพารา?
– ทำไมท่านเลือกใช้บริการธนาคารกสิกรไทย?
– ทำไมท่านถึงเลือกให้บุตรหลานเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม?
– ทำไมท่านถึงเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น LAZADA?

6. Whom 

ข้อคำถามนี้จะตอบได้ว่าใครมีอิทธิพลในการตัดสินใจในการซื้อ ของผู้บริโภคบ้าง เช่น

– ใครที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าของท่าน?
– ใครที่มีอิทธิพลในการตัดสินใจให้ท่านอ่านหนังสือ?
– ใครที่มีอิทธิพลในการทำช่อง YouTube ของท่าน?
– ท่านมีแบบอย่างมาจากใครในการใช้ชีวิต?
– ใครเป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจจองท่าน?

7. How 

ข้อคำถามนี้จะตอบได้ว่าผู้บริโภคซื้อสินค้าอย่างไรบ้าง เช่น

– ท่านซื้อสินออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่นใดบ้าง?
– ส่วนใหญ่ท่านเรียกแท็กซี่ผ่านแอพพลิเคชั่น Grab อย่างไร?
– ท่านซื้ออาหารสุขภาพอย่างไร?
– ท่านเลือกชำระสินค้าอย่างไรในการซื้อสินค้าออนไลน์?
– ก่อนซื้อตั๋วเครื่องบินท่านหาข้อมูลอย่างไรบ้าง

จากข้อคำถาม 6W1H คุณจะรู้ได้เลยว่า ผู้บริโภคคือใคร ซื้อสินค้าอะไรบ้าง ซื้อจากที่ไหนบ้าง ซื้อเมื่อไหร่ ทำไมถึงซื้อ ตัดสิใจซื้อจากใคร และซื้ออย่างไร

ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจ สำหรับผู้ประกอบการทั้งหลายที่จะทราบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าของท่านมีลักษณะอย่างไร เพื่อที่จะได้ทำการตลาดให้ตอบสนองความพึงพอใจผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด 

ดังคำสุภาษิตที่ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง”

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA

ระหว่างกลุ่ม กับ ภายในกลุ่ม สำหรับการวิเคราะห์ ANOVA คืออะไร?

การวิเคราะห์ ANOVA นั้น คือการเปรียบเทียบตัวแปรที่มากกว่า 2 กลุ่มดังนั้นการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างตัวแปรหลายๆ กลุ่ม จึงมีความแปรปรวนที่ต้องคำนวณอยู่ 2 ตัว คือ ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม และความแปรปรวนภายในกลุ่ม

หลักในการทดสอบความแปรปรวนของ ANOVA จึงแบ่งความแปรปรวนของข้อมูลออกตามสาเหตุที่ทำให้ข้อมูลนั้นแตกต่างกัน จึงมีสูตรว่า

ความแปรปรวนทั้งหมด = ความแปรปรวนภายในกลุ่ม + ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม

ดังนั้นความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม กับภายในกลุ่มจึงแตกต่างกันดังนี้

1. ระหว่างกลุ่ม (Between groups) 

เป็นความแปรปรวนที่สามารถอธิบายได้ด้วยตัวแปรที่ศึกษา เช่น อายุ สถานภาพ อาชีพ ระดับการศึกษา รายได้ เป็นต้น หากความแปรปวนระหว่างกลุ่ม มีค่าเฉลี่ยของกลุ่มต่างๆ สูง สังเกตุที่ค่า  Mean Square (MS) แสดงว่าแต่ละกลุ่มมีความแตกต่างกันมาก

2. ภายในกลุ่ม (Within groups) 

เป็นความแปรปรวนตามธรรมชาติที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตัวแปรใดๆ หากมีค่าเฉลี่ยน้อย แสดงว่า ข้อมูลมีความกระจุกตัว หากมีค่าเฉลี่ยสูงแสดงว่าข้อมูลในกลุ่มมีการกระจายตัวมาก หรืออาจจะหมายถึงค่าข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนมากเช่นกัน

ตัวอย่างเช่น กลุ่มอายุใด ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่น?

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS_ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม_ความแปรปรวนภายในกลุ่ม_วิเคราะห์ ANOVA
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

จากรูปจะเห็นได้ว่า โจทย์ต้องการทราบว่า กลุ่มอายุไหนที่ส่งผลต่อความแปรปรวนในการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่น 

ดังนั้น ความแปรปรวนระหว่างกลุ่ม จะตอบได้ว่าในแต่ละช่วงอายุ มีการตัดสินใจซื้อเสื้อแฟชั่น จำนวนเท่าไหร่

ส่วน ความแปรปรวนภายในกลุ่ม จะตอบได้ว่า กลุ่มอายุใดมีการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นแบบกระจุกตัวหรือกระจายตัว หากการตัดสินใจเป็นแบบกระจุกตัว สิ่งนี้จะทำให้ผู้วิจัยทราบว่าสินค้านั้นอาจจะเป็นสินค้าที่กำลังมีกระแสอยู่ ณ ตอนนั้น 

เช่น กระแสเสื้อผ้าแฟชั่นที่วง K-POP ใส่อยู่ โดยกลุ่มผู้บริโภคดังกล่าว จะมีการตัดสินใจไปในแนวทางเดียวกัน หากการตัดสินใจซื้อ มีการตอบแบบกระจายตัว เช่นตอบมากที่สุดบ้าง มากบ้าง ปานกลางบ้าง น้อยบ้าง แสดงว่าการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้าแฟชั่นนั้น อาจจะเป็นสินค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น เสื้อผ้าแนวโบฮีเมียน ซึ่งการตัดสินใจจะขึ้นอยู่ความชอบของแต่ละคน

จากข้อมูลดังกล่าวผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก ในการทำการตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตามคำกล่าวที่ว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก” หากสินค้าแฟชั่นใดมีการตัดสินใจแบบกระจุกตัว แสดงว่าสินค้านั้นกำลังได้รับความนิยมต้องรีบทำการตลาด เพื่อให้สินค้าปล่อยออกได้เร็วที่สุด เพราะสินค้าดังกล่าวมาตามกระแส มาเร็วและไปเร็ว 

ดังนั้นความแตกต่างของระหว่างกลุ่มกับภายในกลุ่มจึงแตกต่างกันแต่ 2 กระบวนการต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้คำตอบ นั่นเอง

ช่องทางติดต่อ รับทำวิจัย
Tel: 0924766638
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

สแกนคิวอาร์โค้ด
เพื่อติดต่อรับทำวิจัย

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS

Save ข้อมูล ที่ลงไว้ในโปรแกรม SPSS มีขั้นตอนอย่างไร

เมื่อเราวิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS เสร็จแล้ว สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในทุกๆ ครั้ง คือการ Save ข้อมูล SPSS เพื่อนำ Output ไปใช้ในขั้นตอนการวิเคราะห์ผลต่อไป

บทความนี้จึงะนำคุณไปสู่วิธี Save ข้อมูล SPSS ที่สั้นและเข้าใจมากที่สุด โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. เลือกเมนู File > Save as

ในขั้นตอนนี้หากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ เป็นภาษาไทยให้ไปที่เมนูแฟ้ม แล้วเลือกบันทึกเป็น

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

2. เลือก Folder ที่ต้องการจะจัดเก็บไฟล์ข้อมูล ในที่นี้เก็บไฟล์ไว้ใน Folder test

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก หากคุณจำไม่ได้ว่าคุณ Save ข้อมูล SPSS ไว้ที่ไหน นั่นหมายความว่าที่ทำมาไร้ความหมาย ไม่มีข้อมูลอ้างอิงหากมีการแก้ไขข้อมูลในโปรแกรม SPSS จะไม่สามารถทำได้เลย ดังนั้นจึงต้องตั้งชื่อที่คุณสามารถจำได้ด้วย

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

3. ตั้งชื่อไฟล์ ในแท็บ File name

จากการที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าการตั้งชื่อนั้นมีความสำคัญ ต้องตั้งชื่อไฟล์ที่คุณสามารถจดจำได้ เผื่อไว้กรณีที่มีการแก้ไขจะทำให้สามารถค้นหา และกลับมาแก้ไขไฟล์ได้ถูกต้อง อีกทั้งใครที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ โปรแกรม SPSS ยังอนุญาตให้ตั้งชื่อได้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ 

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

4. กดปุ่ม Save เป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการ Save

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งถือว่าเป็นการยืนยันการ Save ข้อมูล SPSS ที่ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลไว้ เมื่อกดปุ่ม Save แล้วคุณสามารถปิดโปรแกรมได้ทันทีหากไม่ได้ใช้แล้ว

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส_วิเคราะห์ข้อมูลสถิติ_การวิเคราะห์ข้อมูล_สถิติการวิเคราะห์_วิเคราะห์ spss_โปรแกรม spss_สถิติ t – test แตกต่าง_Save ข้อมูล SPSS
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

ในการ Save ข้อมูล SPSS ทุกครั้งสิ่งที่หลายๆ คนมักพลาดคือการเพิ่มเติมข้อมูลแล้วไม่กดปุ่ม Save ทับ ดังนั้นสิ่งที่ควรสังเกตทุกครั้งคือ หากพบว่าปุ่ม Save ในโปรแกรม SPSS ยังเป็นสีฟ้าอยู่แสดงว่าคุณยังไม่ได้ Save งาน นั่นเอง

ช่องทางติดต่อ รับทำวิจัย
Tel: 0924766638
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

สแกนคิวอาร์โค้ด
เพื่อติดต่อรับทำวิจัย

เคล็ดลับง่ายๆ ในการทำงานวิทยานิพนธ์ ไม่ยากอย่างที่คุณคิด

การทำงานวิทยานิพนธ์มักจะเป็นสิ่งที่ยากเสมอสำหรับผู้วิจัยมือใหม่ เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้งานวิทยานิพนธ์สำเร็จไปตามที่ตั้งใจไว้ โดยเฉพาะการสืบค้นหาเนื้อหาต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มักจะเกิดปัญหาขึ้น ทำให้เป็นการยากที่จะสำเร็จลุล่วงไปได้ 

บทความนี้มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จในการทำงานวิทยานิพนธ์โดยง่ายและรวดเร็วที่สุด

1. ทำสิ่งที่ตนเองมีความรู้ความเข้าใจ

การทำสิ่งที่ตนเองมีความรู้ความเข้าใจนั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านสนใจเกี่ยวกับการบริหารก็ทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการบริหาร แต่ถ้าสนใจเกี่ยวกับการตลาดก็ทำสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการตลาด แม้ว่าอาจารย์ที่ปรึกษาจะแนะนำอย่างไรก็ตาม หากว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ท่านไม่ถนัด ท่านก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อฟังคำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษา

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

หากว่าท่านทำสิ่งที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำ แต่ตัวท่านเองนั้นไม่มีความเข้าใจหรือไม่มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น ก็จะเป็นปัญหาในภายหลังได้ 

เนื่องจากการที่จะสอบป้องกันงานวิทยานิพนธ์หรือการทำงานวิทยานิพนธ์ให้สำเร็จได้นั้น ท่านต้องสังเคราะห์มาจากความรู้ ความเข้าใจ และต้องเขียนเรียบเรียงขึ้นมาใหม่จากความเข้าใจของตัวท่านเอง หากท่านฝืนทำโดยไม่มีความรู้และความเข้าใจอย่างเพียงพอ ก็อาจจะทำให้งานวิทยานิพนธ์นั้นไม่สำเร็จได้

เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ถนัดทุกเรื่อง หากผู้วิจัยมือใหม่มาขอคำปรึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาส่วนใหญ่ก็มักจะแนะนำในสิ่งที่ตนเองถนัด หากผู้วิจัยมือใหม่คล้อยตามอาจารย์ที่ปรึกษา ก็อาจจะมีปัญหาในการสอบป้องกันงานวิทยานิพนธ์ขึ้นได้ เนื่องจากท่านไม่สามารถที่จะตอบคำถามจากคณะกรรมการได้อย่างชัดเจนเพียงพอ จนอาจจะต้องกลับมาแก้ไขงานวิทยานิพนธ์นั้นใหม่ทั้งหมดก็เป็นไปได้

2. พัฒนาการอ่านงานวิทยานิพนธ์

หมายถึงการที่ท่านสามารถที่จะพัฒนาการอ่านให้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถจับใจความ ประเด็นสำคัญของเนื้อหางานวิทยานิพนธ์ที่ท่านจะสังเคราะห์ได้อย่างชัดเจนและตรงประเด็น

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

โดยเฉพาะการอ่านงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากต่างประเทศนั้นมักเกิดปัญหาขึ้นหลายครั้งเนื่องจากท่านไม่สามารถที่จะจับประเด็นที่เกี่ยวข้อง หรือตัวแปรหลักของเนื้อหางานวิทยานิพนธ์ดังกล่าวได้ เพียงเพราะท่านไม่สามารถอ่านงานวิทยานิพนธ์ที่เป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถ่องแท้เพียงพอ จึงไม่สามารถจับมาเป็นประเด็นเรียบเรียงในการทำให้เนื้อหางานวิทยานิพนธ์ของท่านมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นได้

เทคนิคการพัฒนาการอ่านที่สำคัญที่สุด คือ การอ่านจากสารบัญของเล่มงานวิจัยดังกล่าว โดยอ่านจากหัวข้อของบทความวิชาการที่ท่านต้องการสังเคราะห์เพื่อจับใตความสำคัญจากหัวข้อดังกล่าวว่ามีประเด็นหลักอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะนำมาสังเคราะห์หรือแยกย่อยเป็นประเด็นที่ต้องนำมาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ และนำมาเขียนเรียบเรียงใหม่เพื่อให้งานวิทยานิพนธ์ของท่านมีความชัดเจนและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

 3. สรุปแล้วเขียนเรียบเรียงตามความเข้าใจ

การอ่านแล้วถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองอ่านออกมาเป็นภาษาเขียนนั้น จำเป็นที่จะต้องใช้ภาษาที่เป็นภาษาวิชาการ เป็นสำนวนวิชาการที่แตกต่างจากภาษาเขียนที่ใช้ในวรรณกรรมหรือในบทความทั่วไป และภาษาที่เป็นวิชาการนั้นจะต้องมีการกำกับทับศัพท์ หรือหากเป็นคำที่อยู่ในกระแสนิยมจำเป็นที่จะต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มาของคำนั้น เพื่อที่จะเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสำนวนของภาษาวิชาการดังกล่าวนั้นด้วย

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

การอ่านแล้วนำมาถ่ายทอดเป็นภาษาเขียนที่ใช้ในงานวิทยานิพนธ์นั้นมีจุดประสงค์หลักคือ การถ่ายทอดสิ่งที่ผู้วิจัยซึมซับความรู้มาจากแหล่งงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาบูรณาการ พัฒนาการเขียนเนื้อหางานวิจัยให้ชัดเจนและตรงประเด็นด้วยภาษาที่เป็นวิชาการได้อย่างถูกต้อง

4. นำเสนออย่างมีชั้นเชิง

การนำเสนออย่างมีชั้นเชิงหมายถึงการลำดับขั้นของเนื้อหาอย่างเป็นขั้นตอน เนื่องจากการทำงานวิทยานิพนธ์แต่ละครั้งนั้น มีหัวข้อที่ต้องเขียนอย่างชัดเจนอยู่แล้ว หากท่านสามารถกำหนด Keypoint หลักที่ต้องเขียนในแต่ละข้อได้ ก็จะทำให้งานวิทยานิพนธ์ของท่านนั้นสำเร็จรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

เขียนเค้าโครงวิทยานิพนธ์_อาจารย์ที่ปรึกษา ปัญหา_อาจารย์ที่ปรึกวิจัย_บริการจ้างทำวิทยานิพนธ์_ปัญหางานวิจัย_ข้อผิดพลาดในการทำวิจัย_การทำงานวิทยานิพนธ์_ดุษฎีนิพนธ์_การทำดุษฎีนิพนธ์_งานดุษฎีนิพนธ์_หัวข้อวิจัย_งานวิทยานิพนธ์_จ้างทําวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_หัวข้อวิจัย_ตั้งหัวข้อเรื่องงานวิจัย_การเขียน Proposal งานวิจัย_การเขียนโครงร่างงานวิจัย_กำหนดปัญหางานวิจัย_การเลือกหัวข้องานวิจัย_บริการรับทำวิจัย_รับทำวิจัย_บริการรับทำวิจัย_การทำงานวิจัย_งานวิจัย_ข้อมูลงานวิจัย_จ้างทำวิจัย 5 บท_รับทำวิทยานิพนธ์_รับทำวิทยานิพนธ์ ราคา_บริการรับทำวิจัย.com_การทำ Thesis (ธีสิส)_การทำธีสิส_การทำทีสิส
รับทำวิจัย รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำ is รับทำดุษฎีนิพนธ์

หากท่านสามารถเขียนกำกับไว้ได้ก่อนว่าท่านจะศึกษาประเด็นไหน เรียงลำดับอย่างไร โดยไล่เรียงจากลำดับความสำคัญที่มากที่สุดไปหาน้อยที่สุด เพื่อที่จะชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญที่ต้องการสื่อถึงแนวคิดที่เกี่ยวข้อง ทฤษฎีเกี่ยวข้อง โดยไล่เรียงไปจากความหมาย ความสำคัญ องค์ประกอบ ประเภท ลักษณะ รูปแบบ ประโยชน์

ตลอดจนการสรุป สังเคราะห์ ตาราง แนวคิด ทฤษฎี หรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้องดังกล่าว เพื่อเป็น Guideline ที่จะทำให้ท่านไม่สับสนหรือไม่หลงประเด็น และทำให้งานวิทยานิพนธ์นั้นออกมามีคุณภาพมากที่สุดได้

สิ่งที่ได้กล่าวไปแล้วทั้ง 4 ข้อนั้นคือเคล็ดลับที่จะทำให้การทำงานวิทยานิพนธ์ของท่านนั้นกลายเป็นเรื่องง่าย และสามารถประหยัดเวลาในการทำงานวิทยานิพนธ์ได้ รวมถึงทำให้งานวิทยานิพนธ์นั้นสำเร็จได้อย่างมีคุณภาพมากที่สุด

ช่องทางติดต่อ รับทำวิจัย
Tel: 0924766638
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)

สแกนคิวอาร์โค้ด
เพื่อติดต่อรับทำวิจัย