การทดสอบสถิติ Regression ในงานวิจัย: คู่มือสำหรับนักวิจัย

การวิจัยเชิงปริมาณในปัจจุบันแทบทุกสาขาล้วนพึ่งพา Regression Analysis (การวิเคราะห์ถดถอย) เป็นเครื่องมือหลักในการอธิบายและทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร โดยเฉพาะการศึกษาว่า ตัวแปรอิสระ ส่งผลต่อ ตัวแปรตาม อย่างไร อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความแตกต่างระหว่างงานวิจัยที่ “ใช้ Regression” กับงานวิจัยที่ “ใช้ Regression ได้อย่างถูกต้อง” คือ ความเข้าใจเรื่องการทดสอบสถิติ Regression

นักวิจัยจำนวนไม่น้อยสามารถรัน Regression จากโปรแกรมสถิติได้ แต่ยังไม่เข้าใจว่า

  • ค่าสถิติแต่ละตัวทดสอบอะไร

  • ควรดูค่าใดก่อน–หลัง

  • ควรแปลผลอย่างไรจึงจะถูกต้องตามหลักวิชาการ

บทความนี้จึงจัดทำขึ้นในลักษณะ คู่มือสำหรับนักวิจัย เพื่ออธิบาย การทดสอบสถิติ Regression ในงานวิจัย อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน สมมติฐานทางสถิติ การทดสอบระดับโมเดลและระดับตัวแปร การแปลผล ไปจนถึงข้อควรระวังที่มักพบในงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษา


1. บทบาทของการทดสอบสถิติ Regression ในงานวิจัย

Regression Analysis ไม่ได้มีหน้าที่เพียงสร้างสมการทางคณิตศาสตร์ แต่มีบทบาทสำคัญในการทดสอบสมมติฐานการวิจัยเชิงสถิติ โดยช่วยให้นักวิจัยสามารถตอบคำถามต่อไปนี้ได้อย่างเป็นระบบ

  • โมเดลที่สร้างขึ้นมีความเหมาะสมหรือไม่

  • ตัวแปรอิสระสามารถอธิบายตัวแปรตามได้มากน้อยเพียงใด

  • ตัวแปรอิสระแต่ละตัวมีอิทธิพลจริงหรือไม่

  • ผลลัพธ์ที่ได้มีนัยสำคัญทางสถิติหรือเป็นเพียงความบังเอิญ

ดังนั้น “การทดสอบสถิติ Regression” จึงเป็นหัวใจของบทที่ 4 ในงานวิจัยเชิงปริมาณ


2. แนวคิดพื้นฐานของการทดสอบสถิติ Regression

การทดสอบสถิติ Regression คือการใช้สถิติอนุมาน (Inferential Statistics) เพื่อประเมินว่า

ความสัมพันธ์ที่พบในกลุ่มตัวอย่าง สามารถอ้างอิงไปยังประชากรได้หรือไม่

การทดสอบจะอิงแนวคิดเรื่อง

  • สมมติฐานศูนย์ (Null Hypothesis: H₀)

  • สมมติฐานทางเลือก (Alternative Hypothesis: H₁)

  • ระดับนัยสำคัญทางสถิติ (α) เช่น 0.05

หากผลการทดสอบมีค่า p-value ต่ำกว่าระดับนัยสำคัญ นักวิจัยจะปฏิเสธ H₀ และยอมรับ H₁


3. สมมติฐานทางสถิติที่ต้องตรวจสอบก่อนทดสอบ Regression

ก่อนการแปลผลสถิติ Regression นักวิจัยต้องตรวจสอบสมมติฐานสำคัญ เพื่อให้ผลการทดสอบมีความน่าเชื่อถือ

สมมติฐานหลักของ Regression ได้แก่

  1. ความเป็นเชิงเส้นระหว่างตัวแปร

  2. ความเป็นอิสระของค่าคลาดเคลื่อน

  3. ความแปรปรวนคงที่ (Homoscedasticity)

  4. การแจกแจงแบบปกติของค่าคลาดเคลื่อน

  5. การไม่มีปัญหา Multicollinearity

หากละเลยขั้นตอนนี้ ผลการทดสอบสถิติอาจคลาดเคลื่อน แม้ค่า p-value จะดู “สวยงาม”


4. การทดสอบสถิติระดับโมเดล (Overall Model Test)

การทดสอบระดับโมเดลเป็นการประเมินว่า โมเดล Regression โดยรวม มีความเหมาะสมหรือไม่


4.1 ค่า R และ R²

R (Multiple Correlation Coefficient)
แสดงความสัมพันธ์ระหว่างค่าที่พยากรณ์กับค่าจริงของตัวแปรตาม

R² (Coefficient of Determination)
แสดงสัดส่วนความแปรปรวนของตัวแปรตามที่อธิบายได้ด้วยตัวแปรอิสระทั้งหมด

ตัวอย่างการแปลผล

ค่า R² = 0.58 หมายความว่า ตัวแปรอิสระในโมเดลสามารถอธิบายความแปรปรวนของตัวแปรตามได้ร้อยละ 58

⚠️ ข้อควรระวัง
R² สูง ไม่ได้หมายความว่าโมเดลถูกต้องเสมอไป หากละเมิดสมมติฐาน


4.2 การทดสอบ F-test

F-test ใช้ทดสอบสมมติฐานว่า

ตัวแปรอิสระทั้งหมดในโมเดลร่วมกันส่งผลต่อตัวแปรตามหรือไม่

สมมติฐาน

  • H₀: ตัวแปรอิสระทั้งหมดไม่มีอิทธิพลต่อตัวแปรตาม

  • H₁: อย่างน้อยหนึ่งตัวแปรอิสระมีอิทธิพลต่อตัวแปรตาม

การแปลผล

  • หากค่า Sig. (p-value) < .05
    → โมเดล Regression มีนัยสำคัญทางสถิติ

ตัวอย่างการเขียนเชิงวิชาการ

ผลการทดสอบ F-test พบว่า โมเดลการถดถอยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่าตัวแปรอิสระสามารถอธิบายตัวแปรตามได้โดยรวม


5. การทดสอบสถิติระดับตัวแปร (Individual Parameter Test)

หลังจากโมเดลผ่านการทดสอบโดยรวมแล้ว ขั้นต่อไปคือการทดสอบ ตัวแปรอิสระรายตัว


5.1 การทดสอบ t-test

t-test ใช้ทดสอบว่า

ตัวแปรอิสระแต่ละตัวมีอิทธิพลต่อตัวแปรตามหรือไม่

สมมติฐาน

  • H₀: ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอย = 0

  • H₁: ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอย ≠ 0

การแปลผล

  • p-value < .05 → ตัวแปรมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ

  • p-value ≥ .05 → ตัวแปรไม่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ


5.2 การแปลค่าสัมประสิทธิ์ถดถอย (Regression Coefficients)

  • Unstandardized Coefficient (b)
    ใช้สร้างสมการพยากรณ์

  • Standardized Coefficient (β)
    ใช้เปรียบเทียบความสำคัญเชิงสัมพัทธ์ของตัวแปรอิสระ

ตัวอย่าง

ค่า β ของแรงจูงใจ = 0.47 แสดงว่าแรงจูงใจมีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในระดับสูงเมื่อเทียบกับตัวแปรอื่น


6. การทดสอบ Multicollinearity ใน Regression

การทดสอบสถิติ Regression ที่ดีต้องตรวจสอบปัญหา Multicollinearity ควบคู่กัน

เครื่องมือที่ใช้

  • Variance Inflation Factor (VIF)

  • Tolerance

เกณฑ์ทั่วไป

  • VIF < 5 (หรือ < 10)

  • Tolerance > 0.10

หากพบ Multicollinearity ค่าสัมประสิทธิ์และ t-test อาจไม่น่าเชื่อถือ


7. การทดสอบ Residuals เพื่อยืนยันความถูกต้องของโมเดล

Residuals คือความแตกต่างระหว่างค่าจริงกับค่าที่โมเดลพยากรณ์

การตรวจสอบที่สำคัญ

  • Normal Probability Plot

  • Scatter Plot ระหว่าง Residual กับค่าพยากรณ์

หาก Residuals แสดงรูปแบบผิดปกติ อาจบ่งชี้ว่าโมเดลไม่เหมาะสม


8. ตัวอย่างการสรุปผลการทดสอบสถิติ Regression (เชิงวิชาการ)

ตัวอย่างข้อความที่ใช้ในบทที่ 4

ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณพบว่า โมเดลการถดถอยมีนัยสำคัญทางสถิติ (F = 45.32, p < .001) โดยตัวแปรอิสระสามารถอธิบายความแปรปรวนของตัวแปรตามได้ร้อยละ 61 แรงจูงใจและกลยุทธ์การเรียนรู้มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่การสนับสนุนจากครอบครัวไม่มีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ


9. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการทดสอบสถิติ Regression

  1. ดูเฉพาะค่า p-value โดยไม่ดูขนาดอิทธิพล

  2. ไม่รายงานผลการตรวจสอบสมมติฐาน

  3. แปลผลเชิงสาเหตุเกินขอบเขตข้อมูล

  4. ใช้ Regression โดยไม่อิงกรอบแนวคิด

  5. ปรับโมเดลเพื่อให้ได้ผลมีนัยสำคัญ (p-hacking)

ข้อผิดพลาดเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือของงานวิจัย


10. การทดสอบสถิติ Regression กับงานวิจัยระดับวิทยานิพนธ์

ในระดับวิทยานิพนธ์ กรรมการมักให้ความสำคัญกับ

  • ความเข้าใจของนักวิจัยต่อค่าสถิติ

  • ความสามารถในการอธิบายเหตุผลของผลลัพธ์

  • ความโปร่งใสในการรายงาน

นักวิจัยที่เข้าใจการทดสอบสถิติ Regression อย่างแท้จริงจะสามารถตอบคำถามกรรมการได้อย่างมั่นใจ


บทสรุป

การทดสอบสถิติ Regression ในงานวิจัย: คู่มือสำหรับนักวิจัย ชี้ให้เห็นว่า Regression Analysis ไม่ใช่เพียงการคำนวณตัวเลข แต่เป็นกระบวนการทดสอบสมมติฐานเชิงวิชาการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การประเมินโมเดลโดยรวม การทดสอบตัวแปรรายตัว การตรวจสอบสมมติฐาน และการแปลผลอย่างมีวิจารณญาณ

Regression ที่ดีต้อง ถูกต้อง โปร่งใส และอธิบายได้ หากนักวิจัยยึดหลักการทดสอบสถิติเหล่านี้อย่างครบถ้วน งานวิจัยจะมีความน่าเชื่อถือสูง และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงในเชิงวิชาการและเชิงปฏิบัติ

มั่นใจในคุณภาพงานวิจัย ด้วยทีมงานระดับมืออาชีพ

บทความนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์ความรู้ที่เราเชี่ยวชาญ หากคุณต้องการยกระดับงานวิจัยของคุณให้มีความสมบูรณ์แบบ เราให้บริการ รับทำวิทยานิพนธ์ และ รับทำวิจัย ครบวงจร ครอบคลุมทั้งสายสังคมศาสตร์และวิทยาศาสตร์ การันตีคุณภาพและความลับของลูกค้า

อย่าปล่อยให้ความกังวลใจฉุดรั้งความสำเร็จของคุณ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตัวจริงวันนี้ ทักไลน์ @impressedu