การวิจัยเชิงทดลอง หมายถึง การวิจัยที่มุ่งศึกษาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปรต่างๆ โดยผู้วิจัยจะควบคุมเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตัวแปร และทำการทดลองเพื่อวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือนการสร้าง “ห้องทดลอง” เพื่อทดสอบสมมติฐานและหาคำตอบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของตัวแปรต่างๆ
ลักษณะสำคัญของการวิจัยเชิงทดลอง
- มีการควบคุมตัวแปร: ผู้วิจัยจะควบคุมตัวแปรที่เกี่ยวข้องกับการทดลอง แบ่งเป็น
- ตัวแปรอิสระ: เป็นตัวแปรที่ผู้วิจัยกำหนดและเปลี่ยนแปลงค่า เพื่อดูผลต่อตัวแปรอื่น
- ตัวแปรตาม: เป็นตัวแปรที่วัดผลลัพธ์ เปลี่ยนแปลงตามตัวแปรอิสระ
- ตัวแปรควบคุม: เป็นตัวแปรอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการทดลอง ผู้วิจัยต้องควบคุมให้คงที่เพื่อไม่ให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยน
- มีการวัดผล: ผู้วิจัยจะวัดผลลัพธ์ของตัวแปรตามอย่างเป็นระบบ
- มีการเปรียบเทียบ: เปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ได้จากกลุ่มทดลอง (ได้รับตัวแปรอิสระ) กับกลุ่มควบคุม (ไม่ได้รับตัวแปรอิสระ)
- มีการวิเคราะห์: วิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างเป็นระบบ สรุปผล และหาข้อสรุป
ประเภทของการวิจัยเชิงทดลอง
- การวิจัยเชิงทดลองแท้จริง: เป็นการวิจัยที่ควบคุมตัวแปรได้อย่างรัดกุม มีการสุ่มตัวอย่างอย่างแท้จริง แบ่งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมอย่างมีระบบ
- การวิจัยกึ่งทดลอง: เป็นการวิจัยที่ควบคุมตัวแปรได้ไม่สมบูรณ์ อาจไม่มีการสุ่มตัวอย่าง หรือแบ่งกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมได้ไม่สมบูรณ์
ตัวอย่างการวิจัยเชิงทดลอง
- การทดสอบประสิทธิภาพของยาใหม่ โดยแบ่งผู้เข้าร่วมทดลองเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกได้รับยาจริง กลุ่มที่สองได้รับยาหลอก เปรียบเทียบผลลัพธ์ด้านสุขภาพของทั้งสองกลุ่ม
- การทดสอบวิธีการสอนใหม่ โดยแบ่งนักเรียนเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเรียนด้วยวิธีใหม่ กลุ่มที่สองเรียนด้วยวิธีเดิม เปรียบเทียบผลการเรียนของทั้งสองกลุ่ม
ข้อดีของการวิจัยเชิงทดลอง
- สามารถหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปรได้
- สามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ ได้
- สามารถวัดผลได้อย่างเป็นระบบ
- สามารถสรุปผลได้อย่างน่าเชื่อถือ
ข้อจำกัดของการวิจัยเชิงทดลอง
- ใช้เวลานานและค่าใช้จ่ายสูง
- ควบคุมตัวแปรได้ยากในบางกรณี
- ผลลัพธ์อาจไม่สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้เสมอไป
สรุป
การวิจัยเชิงทดลองเป็นวิธีการวิจัยที่สำคัญ สามารถหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปรต่างๆ ได้ ช่วยให้เข้าใจปรากฏการณ์ต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง