สถิติเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิจัยเชิงปริมาณ ช่วยให้นักวิจัยสามารถรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผลของการวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเลือกสถิติที่เหมาะสมในการวิจัยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น ประเภทของข้อมูล ระดับความเชื่อมั่นที่ต้องการ และสมมติฐานที่ตั้งไว้
วิธีเลือกใช้สถิติในการวิจัยแบบผู้เชี่ยวชาญ
โดยทั่วไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้ในการเลือกใช้สถิติในการวิจัย
- ประเภทของข้อมูล สถิติบางประเภทสามารถใช้กับข้อมูลประเภทเฉพาะเท่านั้น เช่น สถิติเชิงพรรณนาสามารถใช้กับข้อมูลเชิงปริมาณเท่านั้น ในขณะที่สถิติเชิงอนุมานสามารถใช้กับข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณได้
- ระดับความเชื่อมั่นที่ต้องการ ระดับความเชื่อมั่นเป็นค่าที่กำหนดโดยนักวิจัย บ่งชี้ว่าผลการทดสอบมีความถูกต้องเพียงใด ระดับความเชื่อมั่นที่นิยมใช้กัน เช่น 95% และ 99%
- สมมติฐานที่ตั้งไว้ สมมติฐานที่ตั้งไว้เป็นข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับตัวแปรที่นักวิจัยต้องการทดสอบ สมมติฐานบางประเภทจำเป็นต้องใช้สถิติบางประเภทในการทดสอบ เช่น สมมติฐานเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มจำเป็นต้องใช้ t-test
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังอาจพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติมในการเลือกใช้สถิติในการวิจัย เช่น ขนาดของตัวอย่าง ความแปรปรวนของข้อมูล และสมมาตรของข้อมูล
ตัวอย่างการเลือกสถิติในการวิจัย
สมมติว่านักวิจัยต้องการทดสอบว่าคะแนนสอบของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงแตกต่างกันหรือไม่
ในกรณีนี้ ข้อมูลจะเป็นข้อมูลเชิงปริมาณ (คะแนนสอบ) และระดับความเชื่อมั่นที่ต้องการคือ 95%
สมมติฐานที่ตั้งไว้คือ คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงเท่ากัน
ดังนั้น สถิติที่เหมาะสมในการทดสอบสมมติฐานนี้คือ t-test
หากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าค่าสถิติ t อยู่นอกเขตวิกฤต แสดงว่าคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนชายและนักเรียนหญิงแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
ดังนั้น นักวิจัยสามารถสรุปได้ว่าคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนชายสูงกว่านักเรียนหญิง
จากตัวอย่างข้างต้น จะเห็นได้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาปัจจัยต่างๆ ในการเลือกใช้สถิติในการวิจัยอย่างรอบคอบ เพื่อให้ผลการวิจัยมีความน่าเชื่อถือและถูกต้อง