คลังเก็บป้ายกำกับ: NPV

ความแตกต่างระหว่าง IRR และ NPV

IRR และ NPV เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ใช้ในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุน ทั้งสองเครื่องมือมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญบางประการ

IRR ย่อมาจาก Internal Rate of Return เป็นอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุน หมายถึงอัตราคิดลดที่ส่งผลให้มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ของการลงทุนเท่ากับศูนย์ พูดง่ายๆ ก็คือ IRR คืออัตราผลตอบแทนที่การลงทุนจะคุ้มทุน

NPV ย่อมาจาก Net Present Value เป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุน หมายถึงมูลค่าของกระแสเงินสดในอนาคตที่นำมาคิดลดด้วยอัตราคิดลดที่เหมาะสม NPV ของการลงทุนที่คุ้มทุนจะเท่ากับหรือมากกว่าศูนย์

ความแตกต่างระหว่าง IRR และ NPV

คุณสมบัติIRRNPV
ความหมายอัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุนมูลค่าปัจจุบันสุทธิของการลงทุน
การคำนวณหาอัตราคิดลดที่ทำให้ NPV เท่ากับศูนย์หามูลค่าของกระแสเงินสดในอนาคตที่นำมาคิดลดด้วยอัตราคิดลดที่เหมาะสม
ข้อดีเข้าใจง่าย ตีความได้ชัดเจนสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของการลงทุน
ข้อเสียอาจเกิดความขัดแย้งกับ NPV ในบางกรณีไม่เข้าใจง่ายเท่า IRR

ตัวอย่าง

สมมติว่า บริษัทแห่งหนึ่งพิจารณาลงทุนในโครงการใหม่ โครงการนี้ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 100 ล้านบาท และคาดว่าจะสร้างกระแสเงินสดสุทธิ 20 ล้านบาทในปีแรก 15 ล้านบาทในปีที่สอง และ 10 ล้านบาทในปีที่สาม อัตราคิดลดที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนประเภทนี้อยู่ที่ 10%

การคำนวณ IRR ของโครงการนี้ มีดังนี้

IRR = (NPV / เงินลงทุนเริ่มต้น) * 100
IRR = (20 + 15 + 10 - 100) / 100
IRR = 15%

การคำนวณ NPV ของโครงการนี้ มีดังนี้

NPV = ∑(กระแสเงินสดสุทธิ / (1 + อัตราคิดลด)^ปี)

NPV = (20 / (1 + 0.1)^1 + 15 / (1 + 0.1)^2 + 10 / (1 + 0.1)^3)
NPV = 10.19

จากการคำนวณพบว่า IRR ของโครงการนี้เท่ากับ 15% และ NPV ของโครงการนี้เท่ากับ 10.19 ในกรณีนี้ IRR และ NPV ของโครงการนี้มีค่าเท่ากัน ดังนั้นการลงทุนในโครงการนี้จึงคุ้มทุน

ข้อจำกัดของ IRR และ NPV

แม้ IRR และ NPV เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ในการช่วยนักลงทุนตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่นักลงทุนควรทราบ

ข้อจำกัดของ IRR

  • IRR อาจให้ผลลัพธ์ที่ขัดแย้งกันได้ หากโครงการการลงทุนมีกระแสเงินสดเข้าและออกที่ไม่สม่ำเสมอ อาจเกิดกรณีที่ IRR และ NPV ขัดแย้งกันได้
  • IRR อาจไม่สะท้อนถึงความเสี่ยงของโครงการ IRR เป็นเพียงอัตราผลตอบแทนที่ส่งผลให้มูลค่าปัจจุบันสุทธิเท่ากับศูนย์เท่านั้น ไม่ได้สะท้อนถึงความเสี่ยงของโครงการ เช่น ความเสี่ยงด้านความผันผวนของกระแสเงินสด ความเสี่ยงด้านคู่แข่ง ความเสี่ยงด้านกฎหมาย เป็นต้น

ข้อจำกัดของ NPV

  • NPV ต้องใช้อัตราคิดลดที่เหมาะสม หากใช้อัตราคิดลดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ NPV มีค่าผิดเพี้ยน และได้อัตราคิดลดที่ไม่เหมาะสม
  • NPV ไม่สามารถเปรียบเทียบโครงการที่มีระยะเวลาต่างกันได้ หากโครงการมีระยะเวลาต่างกัน NPV อาจไม่สามารถเปรียบเทียบได้อย่างชัดเจน ต้องใช้วิธีอื่น เช่น ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) หรืออัตราผลตอบแทนต่ออายุ (Return on Investment Period) ในการเปรียบเทียบ

สรุป

IRR และ NPV เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ในการช่วยนักลงทุนตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่ IRR เข้าใจง่าย ตีความได้ชัดเจน แต่อาจเกิดความขัดแย้งกับ NPV ในบางกรณี NPV สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของการลงทุน แต่อาจไม่เข้าใจง่ายเท่า IRR นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

การทำวิจัยแผนธุรกิจต้องวิเคคราะห์ NPV

ค่า Net Present Value คืออะไร คิดอย่างไร มีประโยชน์อย่างไรในการทำวิจัยแผนธุรกิจ

มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) เป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่ใช้ในการประเมินความสามารถในการทำกำไรของการลงทุน มันคือความแตกต่างระหว่างมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดรับและมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่จ่ายออก กล่าวอีกนัยหนึ่ง จะคำนวณมูลค่ารวมในวันนี้ของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมดที่เกิดจากการลงทุน โดยคำนึงถึงมูลค่าตามเวลาของเงิน

ในการคำนวณ NPV กระแสเงินสดในอนาคตจะถูกคิดลดด้วยอัตราที่กำหนด ซึ่งเรียกว่าอัตราคิดลด สิ่งนี้ทำขึ้นเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงที่ว่าเงินที่ได้รับในอนาคตมีค่าน้อยกว่าจำนวนเดียวกันที่ได้รับในวันนี้ อัตราคิดลดที่ใช้โดยทั่วไปคือต้นทุนของเงินทุนของบริษัทหรืออัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนต้องการ

NPV เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการวิจัยแผนธุรกิจ เนื่องจากช่วยให้บริษัทสามารถเปรียบเทียบมูลค่าของโอกาสในการลงทุนที่แตกต่างกันได้ NPV ที่เป็นบวกบ่งชี้ว่าการลงทุนจะสร้างกระแสเงินสดมากกว่าต้นทุน ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะทำกำไรได้ ในทางกลับกัน NPV ที่เป็นลบบ่งชี้ว่าการลงทุนจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่ากระแสเงินสดที่สร้างขึ้น ดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะไม่ได้กำไร

เมื่อประเมินการลงทุนที่มีศักยภาพ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณา NPV ที่เกี่ยวข้องกับต้นทุนเงินทุนของบริษัท หาก NPV สูงกว่าต้นทุนของทุน การลงทุนนั้นคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่เกินกว่าอัตราผลตอบแทนที่บริษัทต้องการ จึงถือเป็นการลงทุนที่ดี

นอกจากนี้ยังสามารถใช้ NPV เพื่อประเมินผลกระทบของสถานการณ์และสมมติฐานต่างๆ ที่มีต่อความสามารถในการทำกำไรของการลงทุน ตัวอย่างเช่น บริษัทสามารถใช้ NPV เพื่อประเมินผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในอัตราคิดลด การเปลี่ยนแปลงของกระแสเงินสดที่คาดหวัง หรือการเปลี่ยนแปลงในช่วงอายุของการลงทุน

โดยสรุป NPV เป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่ใช้ในการประเมินความสามารถในการทำกำไรของการลงทุน โดยจะคำนวณมูลค่ารวมในวันนี้ของกระแสเงินสดในอนาคตทั้งหมดที่เกิดจากการลงทุน โดยคำนึงถึงมูลค่าตามเวลาของเงิน มีประโยชน์ในการวิจัยแผนธุรกิจเนื่องจากช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเปรียบเทียบมูลค่าของโอกาสในการลงทุนที่แตกต่างกัน และประเมินผลกระทบของสถานการณ์และสมมติฐานต่างๆ ที่มีต่อความสามารถในการทำกำไรของการลงทุน สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณา NPV ให้สัมพันธ์กับต้นทุนของเงินทุนของบริษัท และหาก NPV มากกว่าต้นทุนของทุน การลงทุนนั้นถือเป็นการลงทุนที่ดี

ช่องทางติดต่อ
Tel: 0924766638 คุณอาจุ้ย
อีเมล: ichalermlarp@gmail.com
LINE: @impressedu
(หยุดทุกวันอาทิตย์)