การวิจัยเชิงทดลอง เป็นวิธีการวิจัยที่มุ่งหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปร โดยควบคุมตัวแปรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นักวิจัยจะทำการทดลองโดยเปลี่ยนแปลงตัวแปรอิสระ (Independent Variable) และสังเกตผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวแปรตาม (Dependent Variable)
บทความนี้นำเสนอตัวอย่างการวิจัยเชิงทดลองจากหลากหลายสาขาวิชา ดังนี้
1. สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ:
- การศึกษาผลของยา: นักวิจัยต้องการทราบผลของยาตัวใหม่ต่อระดับความดันโลหิต แบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกได้รับยาตัวใหม่ กลุ่มที่สองได้รับยาหลอก (placebo) หลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง นักวิจัยจะเปรียบเทียบระดับความดันโลหิตของทั้งสองกลุ่ม
2. สาขาวิทยาศาสตร์การศึกษา:
- การศึกษาผลของวิธีการสอน: นักวิจัยต้องการทราบว่าวิธีการสอนแบบใดมีประสิทธิภาพมากกว่ากัน แบ่งนักเรียนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเรียนด้วยวิธีการ A กลุ่มที่สองเรียนด้วยวิธีการ B หลังจากจบการสอน นักวิจัยจะเปรียบเทียบผลการเรียนของนักเรียนทั้งสองกลุ่ม
3. สาขาวิทยาศาสตร์การตลาด:
- การศึกษาผลของโฆษณา: นักวิจัยต้องการทราบว่าโฆษณาแบบใดมีผลต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคมากที่สุด แบ่งผู้บริโภคออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกได้รับชมโฆษณาแบบ A กลุ่มที่สองได้รับชมโฆษณาแบบ B หลังจากนั้น นักวิจัยจะเปรียบเทียบพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคทั้งสองกลุ่ม
4. สาขาวิทยาศาสตร์การเมือง:
- การศึกษาผลของนโยบาย: นักวิจัยต้องการทราบว่านโยบายใหม่ของรัฐบาลมีผลต่อเศรษฐกิจอย่างไร เก็บข้อมูลเศรษฐกิจก่อนและหลังการประกาศใช้ เปรียบเทียบข้อมูลเพื่อดูว่านโยบายมีผลต่อเศรษฐกิจหรือไม่
5. สาขาวิศวกรรมศาสตร์:
- การศึกษาผลของวัสดุ: นักวิจัยต้องการทราบว่าวัสดุชนิดใดมีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด ทดสอบวัสดุแต่ละชนิดด้วยแรงกด แรงดึง แรงบิด เปรียบเทียบผลลัพธ์เพื่อดูว่าวัสดุชนิดใดมีความแข็งแรงทนทานมากที่สุด
ข้อดีของการวิจัยเชิงทดลอง:
- สามารถหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปร
- ผลการวิจัยมีความน่าเชื่อถือ
- สามารถควบคุมตัวแปรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ข้อจำกัดของการวิจัยเชิงทดลอง:
- มีค่าใช้จ่ายสูง
- ใช้เวลานาน
- ผลการวิจัยอาจไม่สามารถนำไปใช้กับสถานการณ์จริงได้เสมอไป
สรุป:
การวิจัยเชิงทดลองเป็นวิธีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพในการหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างตัวแปร อย่างไรก็ตาม นักวิจัยควรพิจารณาข้อดีและข้อจำกัดของวิธีการวิจัยนี้ก่อนตัดสินใจเลือกใช้