ออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานให้มีประสิทธิภาพ

การออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน (Mixed Method Research Design) เป็นขั้นตอนสำคัญในการวิจัยแบบผสมผสาน การออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานที่ดีจะช่วยให้การวิจัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของการวิจัย

การออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานประกอบด้วยขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

1. การกำหนดคำถามการวิจัย

การกำหนดคำถามการวิจัยเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการวิจัยทุกประเภท คำถามการวิจัยแบบผสมผสานควรครอบคลุมทั้งมุมมองเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เพื่อให้สามารถตอบคำถามการวิจัยได้อย่างรอบด้านและครอบคลุม

2. การเลือกแนวทางการวิจัย

แนวทางการวิจัยแบบผสมผสานมีหลายแบบ แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกแนวทางการวิจัยที่เหมาะสมนั้น ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น คำถามการวิจัย บริบทของการวิจัย วัตถุประสงค์ของการวิจัย ทรัพยากรที่มี เป็นต้น

3. การวางแผนวิธีการวิจัย

ขั้นตอนนี้เป็นการวางแผนรายละเอียดในการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล โดยพิจารณาจากแนวทางการวิจัยที่เลือกไว้

4. การรวบรวมข้อมูล

การรวบรวมข้อมูลเป็นขั้นตอนสำคัญในการวิจัยทุกประเภท การรวบรวมข้อมูลแบบผสมผสานอาจใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพร่วมกัน หรือใช้วิธีการวิจัยทั้งสองแบบสลับกัน หรือใช้วิธีการวิจัยทั้งสองแบบแยกกัน แต่เชื่อมโยงกัน

5. การวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นขั้นตอนสำคัญในการประมวลผลข้อมูลเพื่อตอบคำถามการวิจัย การการวิเคราะห์ข้อมูลแบบผสมผสานอาจใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพร่วมกัน หรือใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทั้งสองแบบสลับกัน หรือใช้การวิเคราะห์ข้อมูลทั้งสองแบบแยกกัน แต่เชื่อมโยงกัน

6. การตีความผลลัพธ์

การตีความผลลัพธ์เป็นขั้นตอนสำคัญในการอธิบายและอธิบายผลลัพธ์ของการวิจัย การตีความผลลัพธ์แบบผสมผสานควรเป็นการตีความที่บูรณาการข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

7. การเขียนรายงานการวิจัย

การเขียนรายงานการวิจัยเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการวิจัยทุกประเภท รายงานการวิจัยแบบผสมผสานควรอธิบายการออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานอย่างละเอียด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจกระบวนการวิจัยและผลการวิจัยได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างการออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสาน

แนวทางการวิจัยเชิงสอดคล้อง (Convergent Design) เป็นแนวทางการวิจัยแบบผสมผสานที่เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพในขั้นตอนเดียวกัน จากนั้นจึงวิเคราะห์ข้อมูลทั้งสองแบบร่วมกันเพื่อตอบคำถามการวิจัย

ตัวอย่างการออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานเชิงสอดคล้อง เช่น

  • เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากการสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับหลักสูตรวิชาหนึ่ง จากนั้นเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหลักสูตรวิชาเดียวกัน
  • เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับอัตราการเกิดโรคหนึ่ง จากนั้นเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ผู้ป่วยโรคหนึ่ง

แนวทางการวิจัยเชิงเสริมเติม (Emergent Design) เป็นแนวทางการวิจัยแบบผสมผสานที่เริ่มต้นด้วยการเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณ จากนั้นจึงเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพเพิ่มเติมเพื่อเสริมเติมหรืออธิบายผลการวิจัยเชิงปริมาณ

ตัวอย่างการออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานเชิงเสริมเติม เช่น

  • เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากการสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับหลักสูตรวิชาหนึ่ง จากนั้นเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหลักสูตรวิชาเดียวกัน เพื่อเสริมเติมหรืออธิบายผลการวิจัยเชิงปริมาณ
  • เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับอัตราการเกิดโรคหนึ่ง จากนั้นเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ผู้ป่วยโรคหนึ่ง เพื่อเสริมเติมหรืออธิบายผลการวิจัยเชิงปริมาณ

แนวทางการวิจัยเชิงเสริม (Transformative Design) เป็นแนวทางการวิจัยแบบผสมผสานที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงสังคมหรือชุมชน แนวทางการวิจัยนี้อาจใช้วิธีการวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพร่วมกัน หรือใช้วิธีการวิจัยทั้งสองแบบสลับกัน หรือใช้วิธีการวิจัยทั้งสองแบบแยกกัน แต่เชื่อมโยงกัน

ตัวอย่างการออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานเชิงเสริม เช่น

  • เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากการสำรวจความคิดเห็นของชุมชนเกี่ยวกับปัญหาหนึ่ง จากนั้นเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปัญหาหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหานั้น
  • เก็บรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากการวิเคราะห์ข้อมูลสถิติเกี่ยวกับปัญหาหนึ่ง จากนั้นเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากการสัมภาษณ์ผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหนึ่ง เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหานั้น

การออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับคำถามการวิจัย บริบทของการวิจัย วัตถุประสงค์ของการวิจัย ทรัพยากรที่มี เป็นต้น นักวิจัยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้อย่างรอบคอบเพื่อออกแบบระเบียบวิธีวิจัยแบบผสมผสานที่มีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ของการวิจัย