IRR (Internal Rate of Return) คือ อัตราผลตอบแทนภายในของการลงทุน เป็นการวัดผลตอบแทนจากการลงทุนโดยคำนึงถึงทั้งระยะเวลาและมูลค่าของเงิน มักใช้เปรียบเทียบการลงทุนหลาย ๆ โครงการเพื่อหาโครงการที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
การคำนวณ IRR สามารถทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้วิธีลองผิดลองถูก (Trial and Error) โดยสมมติค่าอัตราคิดลด (discount rate) ขึ้นมา 1 ค่า แล้วแทนค่านั้นในสูตร NPV (Net Present Value) หากค่า NPV เท่ากับ 0 ก็จะได้ว่าค่าอัตราคิดลดนั้นคือค่า IRR ของโครงการนั้น

ตัวอย่างการคำนวณ IRR เข้าใจง่าย
สมมติว่า คุณมีโครงการลงทุนโดยลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท จะได้รับเงินคืนปีละ 20,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี ถามว่าโครงการนี้ให้ผลตอบแทน IRR เท่าไร
สูตร NPV มีดังนี้
NPV = ∑(CFt / (1+r)^t)
โดยที่
- CFt คือ กระแสเงินสดที่จะได้รับในปีที่ t
- r คือ อัตราคิดลด
แทนค่าข้อมูลในสูตร NPV จะได้ดังนี้
NPV = ∑(20,000 / (1+r)^t)
สมมติว่า ทดลองค่า r = 10% จะได้ NPV = 10,618.61
สมมติว่า ทดลองค่า r = 15% จะได้ NPV = 28.25
เนื่องจาก NPV ของค่า r = 10% มีค่ามากกว่า 0 แต่ NPV ของค่า r = 15% มีค่าน้อยกว่า 0 ดังนั้น ค่า IRR ของโครงการนี้จึงอยู่ระหว่าง 10% และ 15%
หากลองทดลองค่า r เพิ่มขึ้นทีละ 0.5% จะพบว่าค่า NPV มีค่าเท่ากันเมื่อ r = 12.5% ดังนั้น ค่า IRR ของโครงการนี้จึงเท่ากับ 12.5%
ในตัวอย่างการคำนวณ IRR ข้างต้น สมมติว่าเรามีโครงการลงทุนโดยลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท จะได้รับเงินคืนปีละ 20,000 บาท เป็นเวลา 5 ปี ถามว่าโครงการนี้ให้ผลตอบแทน IRR เท่าไร
หากทดลองค่า r = 10% จะได้ NPV = 10,618.61
หากทดลองค่า r = 15% จะได้ NPV = 28.25
เนื่องจาก NPV ของค่า r = 10% มีค่ามากกว่า 0 แต่ NPV ของค่า r = 15% มีค่าน้อยกว่า 0 ดังนั้น ค่า IRR ของโครงการนี้จึงอยู่ระหว่าง 10% และ 15%
หากลองทดลองค่า r เพิ่มขึ้นทีละ 0.5% จะพบว่าค่า NPV มีค่าเท่ากันเมื่อ r = 12.5% ดังนั้น ค่า IRR ของโครงการนี้จึงเท่ากับ 12.5%
ขั้นตอนการคำนวณ IRR ด้วยวิธีลองผิดลองถูก มีดังนี้
- ตั้งสมมติฐานค่าอัตราคิดลด (r) ขึ้นมา 1 ค่า
- แทนค่า r ลงในสูตร NPV
- คำนวณหาค่า NPV
- หากค่า NPV เท่ากับ 0 แสดงว่าค่า r ที่สมมติไว้คือค่า IRR ของโครงการ
- หากค่า NPV มีค่ามากกว่า 0 แสดงว่าค่า IRR ของโครงการอยู่ในช่วงต่ำกว่าค่า r ที่สมมติไว้
- หากค่า NPV มีค่าน้อยกว่า 0 แสดงว่าค่า IRR ของโครงการอยู่ในช่วงสูงกว่าค่า r ที่สมมติไว้
- วนซ้ำขั้นตอนที่ 2-6 จนกว่าจะได้ค่า IRR ที่ถูกต้อง
ในตัวอย่างข้างต้น เราได้ทดลองค่า r เพิ่มขึ้นทีละ 0.5% จนกว่าค่า NPV จะเท่ากับ 0 ซึ่งใช้เวลาเพียง 2 ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากโครงการมีจำนวนกระแสเงินสดจำนวนมาก การคำนวณอาจใช้เวลานานขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีวิธีการคำนวณ IRR อื่น ๆ อีก เช่น การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์คำนวณ หรือการใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ อย่างไรก็ตาม วิธีลองผิดลองถูกเป็นวิธีที่เข้าใจง่ายและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
ข้อดีของการใช้ IRR
IRR เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุน โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนของการลงทุน ซึ่งสามารถคำนวณได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้วิธีลองผิดลองถูก ซึ่งสามารถเข้าใจได้ง่ายและนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง
ข้อดีของการใช้ IRR ที่สำคัญ ได้แก่
- เป็นวิธีการคำนวณที่เข้าใจง่าย
IRR เป็นเครื่องมือที่เข้าใจได้ง่าย เนื่องจากใช้อัตราผลตอบแทนเป็นตัววัดผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งทุกคนสามารถเข้าใจได้ โดยค่า IRR ที่สูงกว่าแสดงว่าโครงการนั้นมีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า
- สามารถใช้เปรียบเทียบการลงทุนหลาย ๆ โครงการได้
IRR สามารถใช้เปรียบเทียบการลงทุนหลาย ๆ โครงการได้ โดยเลือกโครงการที่มีค่า IRR สูงที่สุด ซึ่งหมายความว่าโครงการนั้นให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
ข้อเสียของการใช้ IRR
IRR เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่ควรทราบ ได้แก่
- การคำนวณอาจใช้เวลานานหากมีจำนวนกระแสเงินสดจำนวนมาก
IRR เป็นเครื่องมือที่คำนวณโดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ ซึ่งอาจใช้เวลานานในการหาค่า IRR โดยเฉพาะหากโครงการมีจำนวนกระแสเงินสดจำนวนมาก
- อาจมีการคำนวณผิดพลาดหากใช้ค่าอัตราคิดลดที่ไม่เหมาะสม
ค่าอัตราคิดลดที่ใช้ในการคำนวณ IRR มีความสำคัญมาก หากใช้ค่าอัตราคิดลดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้การคำนวณ IRR ผิดพลาดได้
- IRR อาจให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริงหากกระแสเงินสดเข้ามาในช่วงท้ายของโครงการ
IRR คำนวณโดยใช้กระแสเงินสดทั้งหมดของโครงการ ดังนั้น หากกระแสเงินสดส่วนใหญ่เข้ามาในช่วงท้ายของโครงการ IRR อาจให้ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง เนื่องจากกระแสเงินสดในช่วงท้ายของโครงการมีมูลค่าปัจจุบันที่ต่ำกว่ากระแสเงินสดในช่วงต้นของโครงการ
- IRR ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับการลงทุนที่มีระยะเวลาไม่เท่ากันได้
IRR เป็นการวัดผลตอบแทนจากการลงทุนโดยพิจารณาจากระยะเวลาและมูลค่าของเงิน ดังนั้น การลงทุนที่มีระยะเวลาไม่เท่ากันจึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันโดยใช้ IRR ได้
- IRR ไม่คำนึงถึงความเสี่ยงของการลงทุน
IRR เป็นเพียงเครื่องมือที่วัดผลตอบแทนจากการลงทุนเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงของการลงทุน ดังนั้น การลงทุนที่มี IRR สูงอาจมีความเสียงสูงเช่นกัน
โดยสรุปแล้ว IRR เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ IRR ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น NPV (Net Present Value) เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและแม่นยำ
สรุป
IRR เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการตัดสินใจลงทุน โดยพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนของการลงทุน ซึ่งสามารถคำนวณได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุดคือใช้ ตัวอย่างการคำนวณ IRR เข้าใจง่าย ซึ่งสามารถเข้าใจได้ง่ายและนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง